โฆษกกองทัพเปิดเผยว่า เหล่าทหารได้เริ่มต้นปฏิบัติการในเขต Zeitoun และ Jabalia ไปแล้ว เพื่อวางกำลังภาคพื้นดินสำหรับการบุก โดยรัฐมนตรีกลาโหม นายอิสราเอล คัตซ์ อนุมัติแผนการดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19 สิงหาคม) และจะยื่นต่อคณะกรรมการด้านความมั่นคงของอิสราเอลในปลายสัปดาห์นี้
มีรายงานด้วยว่า จะมีการโทรศัพท์ตามตัวทหารกองหนุนราว 60.000 นายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อมาช่วยทหารที่ประจำการอยู่ในหน้าที่เวลานี้รับมือกับปฏิบัติการดังกล่าว
ด้านฮามาสกล่าวหาอิสราเอลว่า กำลังทำลายข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการเดินหน้าทำสงครามอันโหดร้ายต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์
คาดว่า ชาวปาเลไสตน์นับหมื่นนับแสนคนในเมืองกาซาซิตีได้รับคำสั่งให้อพยพ และมุ่งหน้าไปยังค่ายผู้ลี้ภัยทางตอนใต้ของกาซาแล้ว ในแผนการของอิสราเอลที่จะเข้ายึดครองต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้แต่พันธมิตรของอิสราเอลบางชาติยังออกมาประณามแผนการดักงล่าว โดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสออกมาเตือนเมื่อวานนี้ว่า การกระทำดังกล่าวมีแต่นำไปสู่หายนะต่อทั้งประชาชนและเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ทั้งภูมิภาคเข้าสู่วังวนของสงครามถาวร
การประกาศแผนการบุกกาซาทั้งหมดของอิสราเอลมีขึ้น ขณะที่การเจรจาหยุดยิงกับฮามาสมีความคืบหน้า โดยฮามาสยอมรับข้อเสนอหยุดยิง หลังอียิปต์และกาตาร์ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยได้ผลักดันข้อเสนอเพื่อรื้อฟื้นการเจรจาโดยอ้อมระหว่างสองฝ่าย ภายใต้แผนหยุดยิงที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุน
หลังจากนั้นก็มีรายงานออกมาว่า อิสราเอลกำลังศึกษาท่าทีการตอบรับของฮามาสต่อข้อเสนอการหยุดยิงชั่วคราว 60 วันและการปล่อยตัวประกันครึ่งหนึ่ง ที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในกาซา โดยหนึ่งในแหล่งข่าวอิสราเอลย้ำว่า ตัวประกันชาวอิสราเอลทุกคนจะต้องได้รับการปล่อยตัวเพื่อให้สงครามยุติลงได้
แม้ถ้อยแถลงของฝ่ายอิสราเอลจะแสดงท่าทีแข็งกร้าว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นปฏิเสธข้อเสนอที่ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยตรง อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวการเมืองอิสราเอลรายหนึ่งกล่าวว่า “นโยบายของอิสราเอลชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลง อิสราเอลต้องการให้ตัวประกันทั้ง 50 คนได้รับการปล่อยตัว ตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้เพื่อยุติสงคราม เรากำลังอยู่ในช่วงชี้ขาดสุดท้ายกับฮามาส และจะไม่ทิ้งตัวประกันแม้แต่คนเดียวไว้เบื้องหลัง”