ขแมร์ไทม์สรายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาประกาศตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลงเป็นระดับต่ำสุด เพื่อตอบโต้การกระทำของรัฐบาลไทยที่มีท่าทีต้องการลดสัมพันธ์กับกัมพูชาก่อน เนื่องจากกลางดึกที่ผ่านมา (23 กรกฎาคม 2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับไทย พร้อมเชิญทูตกัมพูชากลับประเทศ เพื่อตอบโต้เหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนบางจุด รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว เช่น ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคอีสานของไทย
เช้านี้ กัมพูชาจึงตอบโต้ด้วยการลดความสัมพันธ์ทางการทูตลงเหลือเพียงระดับ “อุปทูตลำดับที่สอง” หรือ Second Charge d’Affaires โดยปกติแล้ว “อุปทูต” คือนักการทูตที่ทำหน้าที่รักษาการแทนหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต (เช่น เอกอัครราชทูต) ในกรณีที่เอกอัครราชทูตไม่อยู่หรือไม่มีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำการ แต่คำว่า "Second Charge d'Affaires" นั้นจะใช้เมื่อประเทศหนึ่ง ๆ ต้องการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอีกประเทศหนึ่งให้ ต่ำที่สุด หมายความว่าจะไม่มีเอกอัครราชทูตหรืออัครราชทูตที่ปรึกษาประจำการอยู่ ในประเทศนั้น ๆ และให้เจ้าหน้าที่ระดับต่ำสุด เป็นผู้ดูแลสถานทูตหรือคณะผู้แทนทางการทูต
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่การทูตกัมพูชาทุกคนที่ประจำการอยู่ที่สถานทูตกัมพูชาในกรุงเทพฯ ได้รับคำสั่งให้เดินทางกลับประเทศ ฝ่ายไทยยังได้รับคำสั่งให้จัดการเรื่องการเดินทางกลับของเจ้าหน้าที่การทูตออกจากกัมพูชาด้วย
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในเช้าวันนี้เป็นไปอย่างตึงเครียด หลังจากที่เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 เหยียบกับระเบิดที่ห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 16.55 น. เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมถึงเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นายภูมิธรรมกล่าวว่า กับระเบิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ไม่เคยพบในการลาดตระเวนครั้งก่อนหน้า จึงเชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาอยู่เบื้องหลังการวางระเบิดในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ตอบโต้เมื่อคืนนี้ ระบุว่า พลโท มาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงและโฆษกกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ต่อข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงจากฝ่ายไทย ที่กล่าวหากัมพูชา กรณีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในหมู่บ้านอันเสะ ตำบลจอมกระสานต์ อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568
กัมพูชาได้ย้ำเตือนฝ่ายไทยหลายครั้งว่า พื้นที่เหล่านี้ยังคงมีทุ่นระเบิดจำนวนมากหลงเหลือจากสงครามในอดีต ซึ่งยังไม่ได้รับการเก็บกู้อย่างสมบูรณ์ กัมพูชาได้เรียกร้องให้ประเทศไทย งดเว้นการกระทำที่ขัดต่อความเข้าใจร่วมกัน ตามที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU 2000 เกี่ยวกับการใช้เส้นทางลาดตระเวนที่ตกลงกันไว้
เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับผิดชอบต่อการกระทำที่รุนแรงของตน แต่ยังถึงขั้นกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ — แม้ว่ากัมพูชาเองจะตกเป็นเหยื่อที่ไม่ยุติธรรม ของการละเมิดของไทย
กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกองทัพกัมพูชายังคงดำเนินการตามการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย วิธีการสันติ และเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ กัมพูชาพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชน ของเรา — โดยจะไม่อนุญาตให้ประเทศใดๆ เข้ามารุกล้ำดินแดนของเราไม่ว่าในกรณีใดๆ และไม่ว่าด้วยค่าใช้จ่ายใดๆ