เขมรสรุปปฏิบัติการบุกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับชาวจีนได้เป็นพัน คนไทย 82 คน
สื่อของกัมพูชารายงานว่า คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตออนไลน์ของกัมพูชา สรุปผลลัพธ์ของการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งหลอกลวงออนไลน์ทั่วประเทศที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ประมาณ 3,000 คน ในจำนวนดังกล่าวเป็นคนจีนมากสุดคือ 1,028 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กัมพูชาสรุปปฏิบัติการจับจีนเทาได้มากสุด
เลขาธิการคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตออนไลน์ของกัมพูชา เปิดเผยผลสรุปการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ทั่วประเทศกัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน - 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังการประชุมครั้งแรกกับคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงินแห่งชาติเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน และได้รับคำสั่งโดยตรงจากนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต
หน่วยบัญชาการร่วมของทั้ง 25 เมืองเอกและจังหวัดต่าง ๆ ได้ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อปราบปรามแก๊งหลอกลวงออนไลน์ โดยสรุปได้ 3 ข้อคือ
- เปิดปฏิบัติการกวาดล้างการหลอกลวงทางเทคโนโลยีทั้งหมด 138 จุด ช่วยเหลือเหยื่อได้ 1 คน และสามารถช่วยชาวเวียดนามได้ 153 คน รวมถึงบุกทลายสถานที่และเคส 58 จุด ในจำนวนดังกล่าว 19 เคสเป็นการลักลอบเคลื่อนย้ายชาวต่างชาติ
- จับกุมพบผู้ต้องสงสัย 3,075 คน แบ่งเป็นผู้หญิง 606 คน และที่เหลือเป็นผู้ชาย จากผู้ต้องสงสัยทั้งหมดที่ถูกจับเป็นชาวจีนมากสุดคือ 1,028 คน รองลงมาคือชาวเวียดนาม 693 คน ชาวอินโดนีเซีย 366 คน ชาวอินเดีย 105 คน ชาวบังกลาเทศ 101 คน ชาวไทย 82 คน ชาวเกาหลี 7 คน ชาวปากีสถาน 81 คน ชาวเนปาล 13 คน ชาวมาเลเซีย 4 คน และยังมีสัญชาติอื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ลาว ไนจีเรีย รัสเซีย มองโกเลีย เมียนมา เป็นต้น
- ตรวจยึดหลักฐานที่ถูกใช้เพื่อหลอกลวงออนไลน์ เช่น คอมพิวเตอร์ แลปทอป โทรศัพท์มือถือ เครื่องแบบตำรวจจีน และพบสิ่งที่ต้องสงสัยว่าน่าจะเป็นยาเสพติด อาวุธ กระสุน และอุปกรณ์อื่น ๆ
หลังจากที่เปิดปฏิบัติการดังกล่าว จุดที่ถูกบุกและผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้ อยู่ภายใต้การควบคุมจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และมีการสั่งปิดพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเข้าและออกแล้ว
ทางการกรุงพนมเปญได้ส่งตัวผู้ต้องหา 11 รายพร้อมของกลางเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาล ซึ่งต่อมาศาลมีคำสั่งควบคุมตัวชั่วคราวจำนวน 8 ราย
ขณะเดียวกัน ชาวจีน 17 คน รวมถึงผู้หญิง 2 คน ถูกส่งตัวไปยังสำนักงานเตรียมก่อนการเนรเทศในจังหวัดพระสีหนุ โดยได้ประสานงานร่วมกับกรมตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการส่งตัวชาวต่างชาติกลุ่มนี้ไปยังศูนย์กักกัน ก่อนจะเนรเทศกลับประเทศต้นทางต่อไป
