ทางการไต้หวันออกคำสั่งให้ประชาชนเข้าร่วมการฝึกซ้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในวันนี้ (17 ก.ค. 68) ซึ่งจะทำให้ทั้งกรุงไทเปต้องหยุดนิ่ง ไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังไปทั่วเขตมหานคร ในบางพื้นที่ ประชาชนต้องหลบภัยในอาคาร ในขณะที่การจราจรหยุดชะงัก นอกจากนี้ เมืองยังมีการซ้อมอพยพครั้งใหญ่และการซ้อมรับมือเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หลายฝ่ายมองว่าการซ้อมรับมือภัยคุกคามจากจีนในครั้งนี้ นับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของไต้หวัน
การซ้อมครั้งนี้จัดขึ้นควบคู่ไปกับการซ้อมรบทางทหารประจำปี “ฮั่นกวง” (Han Kuang Exercise) ซึ่งปีนี้ เป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของไต้หวัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศจากกองทัพพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทั้งนี้ ความตึงเครียดได้ลุกลามขึ้นนับตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อ ไต้หวันได้เลือกนายวิลเลียม ไหล หรือ ไหล ชิงเต๋อ เป็นประธานาธิบดี ซึ่งจีนประณามว่าเป็น "ผู้แบ่งแยกดินแดน"
โดยปกติแล้วการซ้อมรบทางทหารฮั่นกวงครั้งก่อน ๆ จะมีพลเรือนเข้าร่วมการซ้อมรับมือด้วยเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ปีนี้ทางการได้ให้ความสำคัญกับการซ้อมตั้งหลักและฟื้นฟูเมือง (Urban Resilience) เพื่อเพิ่มความสามารถของเมืองที่จะรับมือ ฟื้นตัว และปรับตัวต่อความท้าทายต่าง ๆ ทั่วทั้งเกาะ ในแต่ละวันของการซ้อม ไซเรนเตือนภัยทางอากาศจะดังขึ้นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ในหลายเมืองทั่วไต้หวัน ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่กำหนดต้องหลบภัยในอาคาร มิฉะนั้นอาจถูกปรับ และร้านค้าและร้านอาหารทุกแห่งต้องหยุดทำการ การจราจรบนถนนต้องหยุดนิ่ง โดยผู้ขับขี่ต้องจอดรถและเข้าไปในอาคารทันที
ในกรุงไทเป เจ้าหน้าที่รับมือเหตุฉุกเฉินและอาสาสมัครเข้าร่วมในการอพยพผู้คนจากตลาด วัด โรงเรียน สถานีรถไฟใต้ดิน และทางหลวง พวกเขาจำลองเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และฝึกซ้อมรักษาผู้บาดเจ็บ รวมถึงจัดตั้งจุดแจกจ่ายสิ่งของฉุกเฉิน ดังนั้น การซ้อม Urban Resilience ในสัปดาห์นี้เป็นการซ้อมป้องกันพลเรือนล่าสุดที่ไต้หวันจัดขึ้นในปีนี้ เพื่อเตรียมเมืองต่างๆ ให้พร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น และ เพิ่มความตระหนักรู้ด้านการป้องกันของประชาชน
แม้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะเตือนถึงภัยคุกคามที่ใกล้เข้ามาจากจีน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต้องการให้กองทัพของเขาสามารถบุกไต้หวันได้ภายในปี 2027 แต่ชาวไต้หวันส่วนใหญ่ยังคงสงสัยว่าจะมีการบุกรุกเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ผลสำรวจหนึ่งที่จัดทำขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วโดยสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล Institute for National Defense and Security Research (INDSR) พบว่า กว่า 60% ของชาวไต้หวันไม่เชื่อว่าจีนจะบุกภายในห้าปีข้างหน้า นายเบ็น นักการเงินวัย 29 ปี ซึ่งให้สัมภาษณ์กับ BBC ในไทเป ระบุว่า "โอกาสที่จีนจะบุกรุกไต้หวันมีน้อย ถ้าพวกเขาต้องการบุกจริง ๆ คงทำไปนานแล้ว” แต่เขาก็เชื่อว่าไต้หวันจำเป็นต้องมีการซ้อมเหล่านี้ จริง ๆ แล้วทุกประเทศจำเป็นต้องมี และคุณต้องฝึกซ้อมการป้องกัน เพราะลึก ๆ ก็มองว่าจะมีภัยคุกคามจากจีนเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนชาวไต้หวันบางส่วนยังกังวลกับขีดความสามารถของกองทัพไต้หวัน เนื่องจากความแข็งแกร่งของกองทัพจีนยังห่างชั้นกับไต้หวัน โดยผลสำรวจของ IDSR พบว่า ประชากรไต้หวันเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มั่นใจในขีดความสามารถของกองทัพในการปกป้องเกาะแห่งนี้ นี่เป็นความรู้สึกที่คงอยู่มายาวนาน ซึ่งกระตุ้นให้รัฐบาลไต้หวันพยายามเสริมสร้างกองทัพให้แข็งแกร่งขึ้น และซ้อมรบอย่างจริงจังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในปีนี้ มีการเพิ่มกำลังทหารกว่า 22,000 นาย ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 50% รวมถึงมีการซ้อมป้องกันเกาะจากการโจมตีของกองทัพจีน ในการซ้อมรบทางบก ทางทะเล และทางอากาศ นอกจากนี้ ยังมียุทโธปกรณ์ที่เพิ่งจัดหามาใหม่ เช่น ระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่ Himars ที่สหรัฐฯ จัดหาให้ รวมถึงจรวดที่ผลิตในไต้หวัน
การซ้อมรบฮั่นกวงในปีนี้ยังเน้นการต่อสู้กับการทำสงครามแบบ Grey Zone และรับมือกับข้อมูลบิดเบือนจากจีน รวมถึงการซ้อมป้องกันทางทหารในเมืองต่าง ๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทหารได้เข้าร่วมการซ้อมรบในเมืองที่ศูนย์นิทรรศการและบนรถไฟใต้ดินในกรุงไทเป บนถนนในเมืองไถจง และเปลี่ยนโรงเรียนมัธยมในเถาหยวนให้เป็นสถานีซ่อมแซมรถถัง