ช่วงค่ำของคืนวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เรือเฟอร์รีที่มีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 65 คนล่มใกล้กับเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
ตามแถลงการณ์ของสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติ เรือเฟอร์รีลำดังกลาวคือเรือ KMP Tunu Pratama Jaya ล่มลงเกือบครึ่งชั่วโมงหลังออกจากท่าเรือเกอตาปัง (Ketapang) ในชวาตะวันออก มุ่งหน้าไปท่าเรือกิลีมานุก (Gilimanuk) ของบาหลี ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร
เรือบรรทุกผู้โดยสารออกไป 65 คนเป็นผู้โดยสารของเรือ 53 คน ลูกเรือ 12 คน ละยานพาหนะอีก 22 คัน รวมถึงรถบรรทุก 14 คัน
สำนักข่าว BBC ชี้ว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 คน ขณะที่สำนักข่าว Reuters รายงานว่า พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คน และช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 20 ราย เช้าวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ หลายคนหมดสติหลังลอยคออยู่ในทะเลที่มีคลื่นแรงเป็นเวลาหลายชั่วโมง ตามรายงานของผู้กำกับการตำรวจบันยูวางี รามา ซัมตามา ปูตรา
ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหาย 43 คนที่หายไป ในทะเลที่มีคลื่นลมแรง
มีเรือ 9 ลำ รวมถึงเรือลาก 2 ลำ และเรือยางอีก 2 ลำ เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายนับตั้งแต่คืนวันพุธ โดยต้องเผชิญกับคลื่นสูงถึง 2 เมตร (6.5 ฟุต) ท่ามกลางความมืดในเวลากลางคืน
เหตุเรือเฟอร์รี่ล่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีมากกว่า 17,000 เกาะ โดยเรือเฟอร์รี่มักถูกใช้เป็นพาหนะหลักในการเดินทาง และมาตรการความปลอดภัยมักไม่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด