วุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งเสียงข้างมากเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน มีมติเห็นชอบกฎหมายลดภาษีและปรับงบประมาณรัฐบาลกลาง ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเขาเรียกมันว่าเป็นกฎหมายที่ ‘ยิ่งใหญ่และงดงาม’ แต่การผลักดันกฎหมายฉบับดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงที่แตกแยกรุนแรงในสภา เพราะจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลดหย่อยภาษีและเพิ่มงบประมาณความมั่นคงแห่งชาติ แลกกับการตัดงบบริการสังคม
การต่อสู้ภายในวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันที่ดุเดือดมาหลายสัปดาห์สิ้นสุดลงแล้ว หลังการอภิปรายร่างกฎหมายปรับลดภาษีของทรัมป์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 49 โดยผู้นำพรรคไม่สามารถได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกซูซาน คอลลินส์จากรัฐเมน ทอม ทิลลิสจากรัฐนอร์ทแคโรไลนา และแรนด์ พอลจากรัฐเคนทักกี แต่ในที่สุด รองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ได้รับการเรียกตัวมาเพื่อทำลายความขัดแย้งทางนิติบัญญัติ และลงคะแนนเสียงชี้ขาดในเสียงที่ 51
"กฎหมายยิ่งใหญ่และงดงาม" (One Big Beautiful Bill Act) ครอบคลุมมาตรการหลายด้าน โดยหลัก ๆ แล้วจะเน้นประเด็นดังนี้
อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากหลายฝ่าย ฝ่ายผู้สนับสนุนมองว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน และเพิ่มความมั่นคงให้กับประเทศ ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยมองว่าจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าอาจทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
ประกันสุขภาพสำหรับผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ หรือ Medicaid คือหนึ่งในโครงการหลัก ๆ ที่จะถูกตัดลดงบประมาณ หรือได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมาก โดยคาดการณ์ว่า อาจทำให้มีบุคคลและครอบครัวที่มีรายได้น้อย ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ที่ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้เอง ทั้งหมดเกือบ 12 ล้านคน ต้องสูญเสียความคุ้มครองประกันสุขภาพภายใน 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขที่จะจำกัดสิทธิ์ของผู้ที่ต้องพึ่งพา Medicaid
นอกจากนี้ จะมีการตัดงบประมาณโครงการช่วยเหลือด้านอาหาร (Supplemental Nutrition Assistance Program - SNAP) หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ "ฟู้ดสแตมป์" เป็นโครงการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ครอบครัวที่มีรายได้น้อยเพื่อซื้ออาหาร โครงการนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อลดความหิวโหยและความไม่มั่นคงทางอาหารในกลุ่มประชากรที่เปราะบาง โดยผู้รับความช่วยเหลือจะได้รับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EBT card) คล้ายบัตรเดบิต เพื่อใช้ซื้ออาหารที่ร้านค้าปลีกที่เข้าร่วมโครงการ
ที่สำคัญ คือภาระการลดหย่อนภาษีจะกลับมาเป็นภาระของชาวอเมริกันในรูปแบบ “หนี้สาธารณะ” สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (Congressional Budget Office - CBO) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ได้ประเมินว่าร่างกฎหมายนี้จะก่อหนี้สาธารณะก้อนมหาศาล ก่อให้เกิดการขาดดุล เพราะนับว่ารัฐบาลใช้จ่ายเกินตัวอย่างมากเมื่อเทียบกับรายได้จากภาษี โดย CBO ประเมินว่า หากร่างกฎหมายที่ได้รับการแก้ไขและกำลังพิจารณาอยู่ในวุฒิสภาถูกนำไปบังคับใช้ จะทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดช่วง 10 ปีข้างหน้า