Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รวมสมมติฐานที่อาจทำแอร์อินเดียตก หลังทะยานขึ้นบินได้เพียง 30 วินาที
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

รวมสมมติฐานที่อาจทำแอร์อินเดียตก หลังทะยานขึ้นบินได้เพียง 30 วินาที

13 มิ.ย. 68
11:35 น.
แชร์

เกิดอะไรขึ้นกันแน่กับเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ เที่ยวบิน AI171 ซึ่งประสบประสบอุบัติเหตุตกเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (12 มิ.ย.) เราคงจะได้รู้คำตอบหลังการสอบสวนแล้วเสร็จ แต่สิ่งที่เรารู้แน่ชัดในขณะนี้คือ วินาทีหลังเครื่องทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าน่าจะเป็นช่วงเวลาอันสุดแสนท้าทายของแวดวงการบิน  

เจ้าหน้าที่สอบสวนของอินเดียจะได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการบินจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ทุกฝ่ายจะร่วมกันหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำดังกล่าวประสบอุบัติเหตุตก ห่างจากรันเวย์เพียงแค่ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้น

นับเป็นครั้งแรกที่เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ประสบอุบัติเหตุตกร้ายแรงขนาดนี้ นับตั้งแต่เริ่มมาให้บริการบินเชิงพาณิชย์ในปี 2011 โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้คร่าชีวิตผู้คนบนเครื่องไป 241 ราย และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตในจุดที่เครื่องบินตกใส่ด้วย

บีบีซีได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและนักบินในอินเดีย ซึ่งบางรายไม่เปิดเผยชื่อ และเป็นบุคคลที่เคยนำเครื่องบินรุ่นดังกล่าวขึ้นบินออกจากสนามบินของอินเดีย เพื่อร่วมกันหาปัจจัยและสมมติฐานว่ามีอะไรบ้างที่อาจส่งผลทำให้เครื่องบินตกใส่อาคาร ทั้งที่ขึ้นบินได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น  

เครื่องบินไต่ระดับไม่สำเร็จหลังทะยานขึ้นบิน


เที่ยวบิน AI171 ของสายการบินแอร์อินเดีย ซึ่งใช้เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ เกิดเหตุเครื่องตกหลังพยายามไต่ระดับจากสนามบินนานาชาติอัห์มดาบาดเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 242 คน

เครื่องบินลำนี้นำโดยกัปตันสุมิต สภาวัล (Sumeet Sabharwal) และผู้ช่วยนักบินไคลฟ์ กุนดาร์ (Clive Kundar) ซึ่งทั้งสองมีประสบการณ์บินรวมกันกว่า 9,000 ชั่วโมง โดยกัปตันสภาวัลมีประสบการณ์กว่า 22 ปีในสายการบินพาณิชย์

แอร์อินเดียระบุว่า เครื่องออกจากรันเวย์เวลา 13:39 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของเมื่อวานนี้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอินเดีย อามิต ชาห์ เปิดเผยว่า เครื่องบินบรรทุกเชื้อเพลิงเกือบเต็มถังถึง 100 ตัน ขณะทะยานขึ้น

ข้อมูลจากสำนักงานการบินพลเรือนอินเดียเปิดเผยว่า เพียงไม่นานหลังเครื่องทะยานขึ้น นักบินได้ส่งสัญญาณฉุกเฉิน “เมย์เดย์” จากห้องนักบิน แต่หลังจากนั้นไม่มีสัญญาณตอบกลับใด ๆ จากเครื่องบินอีกเลย

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นักบินส่งสัญญาณเมย์เดย์ แต่ผู้รอดชีวิตเพียงรายเดียวจากเหตุการณ์ดังกล่าวเปิดเผยกับสื่ออินเดียว่า เขาได้ยินเสียงระเบิดดังขณะที่เครื่องบินดูเหมือนจะพยายามไต่ระดับไม่สำเร็จ

ส่วนภาพวิดีโอที่ได้รับการตรวจสอบโดย BBC แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินบินอยู่ระดับต่ำเหนือย่านชุมชน ก่อนที่ข้อมูลสุดท้ายจากระบบจะระบุว่า เครื่องไต่ไปได้ถึงระดับเพียง 625 ฟุต (190 เมตร) จากนั้นเครื่องบินก็ลดระดับลงและหายไปหลังแนวต้นไม้กับอาคาร ก่อนจะเกิดระเบิดใหญ่บนขอบฟ้า


ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสงสัยเครื่องยนต์ดับพร้อมกัน

หนึ่งในนักบินผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า หากเครื่องยนต์ทั้งสองหยุดทำงานพร้อมกัน นักบินคงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะตอบสนองหรือแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน โดยภาพวงจรปิดที่ BBC Verify ตรวจสอบพบว่า เครื่องบินลำนี้อยู่บนฟ้าเพียง 30 วินาทีเท่านั้นก่อนจะตกใส่ย่านชุมชน

ภาพถ่ายหลังเหตุการณ์แสดงให้เห็นอาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายพังหนัก รวมถึงอาคารโรงพยาบาลและอาคารราชการอื่นๆ

มีการตั้งข้อสันนิษฐานเรื่องเครื่องยนต์ดับคู่พร้อมกัน แต่เรื่องนี้เป็นกรณีที่เกิดขึ้นยากยิ่ง โดยนักวิเคราะห์บางรายสงสัยว่า อาจเกิดเหตุเครื่องยนต์ทั้งสองข้างขัดข้องพร้อมกัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามว่าเครื่องบินได้เปิดใช้ระบบ "Ram Air Turbine (RAT)" หรือไม่ ซึ่งเป็นระบบกังหันสำรองที่ใช้กรณีฉุกเฉินเมื่อเครื่องยนต์หลักไม่สามารถจ่ายพลังงานให้ระบบจำเป็นของเครื่องบินได้

ขณะที่ภาพวิดีโอหลายชิ้นที่ปรากฏ ชี้ให้เห็นว่าเครื่องบินพยายามไต่ระดับแต่ไม่สำเร็จ ดูเหมือนว่าจะมีแรงขับเคลื่อนไม่เพียงพอหรือกำลังเครื่องยนต์ตกลง

นักบินอาวุโสรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งของการที่เครื่องยนต์ดังคู่คือ การปนเปื้อนของเชื้อเพลิงหรือการอุดตัน ระบบจ่ายเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์บินต้องอาศัยความแม่นยำสูง หากระบบนี้อุดตัน อาจทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้รับเชื้อเพลิงและดับลงได้

อย่างไรก็ตาม มาร์โก ชาน อดีตนักบิน ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า จากวิดีโอที่มีอยู่ในขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่ชี้ว่าเป็นกรณีเครื่องยนต์ดับทั้งสองข้าง

ด้านโมฮัน รังกานาธาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินของอินเดียให้ความเห็นว่า หากเป็นกรณีเครื่องยนต์ดับคู่จริง ถือว่าหายากมากที่สุด

ขณะที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ GE Aerospace ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปยังอินเดียเพื่อร่วมสอบสวนหาสาเหตุ ขณะเดียวกันบริษัท Boeing ก็ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่สายการบินแอร์อินเดียในกระบวนการสอบสวนครั้งนี้


“นกชนเครื่อง” ก็อาจเป็นสาเหตุ 

อีกหนึ่งสมมติฐานที่ถูกหยิบยกขึ้นมา หลังเหตุเครื่องบินเที่ยวบิน AI171 ตก คือ “การถูกนกชน” (Bird strike) ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเครื่องบินปะทะกับนกขณะบิน และอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง โดยเฉพาะหากนกถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์ ตัวอย่างเช่นเหตุการณ์เครื่องบิน Jeju Air ของเกาหลีใต้ตกเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 179 ราย ก็เกิดจากกรณีคล้ายกัน

ผู้เชี่ยวชาญและนักบินที่คุ้นเคยกับสนามบินอัห์มดาบาดให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า สนามบินแห่งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่ามีนกจำนวนมาก และมีความเสี่ยงสูงที่เครื่องบินจะประสบเหตุลักษณะนี้

ข้อมูลจากกระทรวงการบินพลเรือนอินเดียซึ่งเสนอในรัฐสภาเมื่อเดือนธันวาคม 2023 ระบุว่า รัฐคุชราต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองอัห์มดาบาด มีรายงานการชนกับนกถึง 462 ครั้งในรอบ 5 ปี โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่สนามบินอัห์มดาบาด

ขณะที่รายงานของ Times of India ในเดือนกันยายน 2023 อ้างข้อมูลจากหน่วยงานสนามบินว่า มีรายงานนกชนเครื่องบินในอัห์มดาบาดถึง 38 ครั้งในปี 2022–23 เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม นักบินอาวุโสรายหนึ่งระบุว่า อุบัติเหตุนกชนโดยมากจะไม่ร้ายแรงถึงขั้นวิกฤต เว้นแต่จะส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ทั้งสองข้างพร้อมกัน


Flaps อาจเป็นปัจจัย  หากไม่กางออก อาจทำให้เครื่องไต่ระดับไม่ได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน 3 รายที่ให้สัมภาษณ์กับ BBC Verify ยังได้เสนออีกความเป็นไปได้ว่า เครื่องบินเที่ยวบิน AI171 อาจประสบปัญหาจาก “การไม่ได้กางปีกสร้างแรงยก” (flaps) ขณะขึ้นบิน

เพราะ Flaps มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขึ้นบิน โดยทำหน้าที่เพิ่มแรงยกของปีกในขณะเครื่องบินเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ ซึ่งจำเป็นอย่างมากในช่วงทะยานขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เครื่องบินบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น การบินระยะไกลที่มีผู้โดยสารเต็มลำและเชื้อเพลิงจำนวนมาก อีกทั้งหากสภาพอากาศร้อนจัดก็ยิ่งทำให้แรงยกลดลง

หาก flaps ไม่ได้ถูกกางออกหรือใช้งานไม่ถูกต้องในช่วงขึ้นบิน เครื่องบินจะประสบปัญหาในการไต่ระดับ อาจพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สามารถยกตัวขึ้นจากพื้นได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับลักษณะการบินต่ำของเครื่อง AI171 ก่อนเกิดเหตุ

นอกจากนี้ ในวันเกิดเหตุ ที่เมืองอัห์มดาบาด อุณหภูมิพุ่งสูงเกือบ 40 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลต่อสมรรถภาพของเครื่องบินอย่างชัดเจน นักบินรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า อากาศร้อนจัดทำให้อากาศเบาบางลง ซึ่งจะทำให้เครื่องต้องใช้แรงยกจาก flaps มากขึ้น รวมถึงต้องใช้แรงขับจากเครื่องยนต์มากขึ้นในการทะยานขึ้นจากพื้น

ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า flaps เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมนี้หรือไม่ ต้องรอการตรวจสอบกล่องดำและข้อมูลทางเทคนิคอย่างละเอียดจากทีมสอบสวนที่จะร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดในวันข้างหน้า

แชร์
รวมสมมติฐานที่อาจทำแอร์อินเดียตก หลังทะยานขึ้นบินได้เพียง 30 วินาที