ท่ามกลางโลกที่ผันผวน เศรษฐกิจไม่แน่นอน และความขัดแย้งที่คร่าชีวิตประชาชนทุกวัน อาเซียนมองตัวเองในเวทีโลกอย่างไร? คำตอบอยู่ใน “ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์” ที่รับรอง “วิสัยทัศน์อาเซียน 2045” ซึ่งสะท้อนมุมมองและความคาดหวังของอาเซียนในอีก 20 ปีข้างหน้า
การรับรองวิสัยทัศน์ 2 ทศวรรษนี้ เกิดขึ้นโดยผู้นำ 10 ประเทศเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในโอกาสครบรอบ 10 ปีการก่อตั้งประชาคมอาเซียน (สมาคมประชาชาติอาเซียนก่อตั้งเมื่อปี 2510 แต่ประชาคมอาเซียนรับรองเมื่อปี 2557) วิสัยทัศน์นี้มีระยะเวลา 20 ปี พร้อมมีการทบทวนหลังผ่าน 10 ปีแรก
วิสัยทัศน์ 2045 วางแผน 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่
สิ่งที่ยังเหมือนเดิมในแผนยุทธศาสตร์เก่าและใหม่คือ ความคาดหวังเรื่องสันติภาพ ความรุ่งเรือง ความมั่นคง และประชาธิปไตย ส่วนสิ่งที่เพิ่มคือ ความสามารถในการปรับตัวของอาเซียน ทั้งด้านนวัตกรรมและความยืดหยุ่น
รศ. ดร. จิตติภัทร พูนขำ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เน้นย้ำถึงความเปลี่ยนแปลงในเวทีโลก ในการเสวนา “วิสัยทัศน์ ASEAN 2024: วิสัยทัศน์ โอกาส และความ (คาด)หวัง” ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า อาเซียนเผชิญความท้าทายคือ ความไม่แน่นอนและการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจในทุกด้าน รวมถึงการที่หลายประเทศเอนเอียงไปสู่ชาตินิยมมากขึ้น
“โลกกำลังกลับไปสู่ชาตินิยมมากขึ้น เหมือนย้อนกลับไป 10-20 ปีก่อน ใครจะเชื่อ”
อาจารย์จิตติภัทรกล่าวว่า ระเบียบโลกกำลังเปลี่ยน จากโลกที่สหรัฐฯ เคยเป็นผู้นำ กลายเป็นโลกที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากกติกาที่ตนสร้างไว้ แม้ยังอยากเป็นเบอร์ 1 ด้านการทหารและเศรษฐกิจ สถานการณ์นี้ส่งผลให้โลกเผชิญกับวิกฤตผู้นำ (leadership crisis) ที่จีนอาจมีบทบาทมากขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร
โลกกลับกลายเป็นสังคมหลายขั้ว (multipolar) ที่ซับซ้อน และอาเซียนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ทั้งยังมีความตื่นตัวด้านความขัดแย้งนอกภูมิภาค และความขัดแย้งต่อเนื่องในภูมิภาค อย่าง พื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศอาเซียน และความมั่นคงในทะเลจีนใต้ อาชญากรรมข้ามชาติ และสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิก ประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นข้อสำคัญในวิสัยทัศน์ด้านการเมืองและความมั่นคงฉบับใหม่ ที่ประชาคมอาเซียนกล่าวว่า ได้วางแนวทางไว้อย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรมมากขึ้นบนหลักการเดิม
เป้าหมายยุทธศาสตร์การเมืองและความมั่นคงของอาเซียนในอีก 20 ปีข้างหน้า กำหนดไว้ 9 ข้อ ได้แก่:
มาตรการเชิงยุทธศาสตร์ เช่น เน้นสนธิสัญญาด้านสันติภาพ เช่น สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) และสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEANWFZ) เพิ่มความร่วมมือระดับภูมิภาค และย้ำความสำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ
สนับสนุนให้คนจากอาเซียนเข้าไปอยู่ในองค์กรระหว่างประเทศมากขึ้น และให้เป็นผู้นำการเจรจาในประเด็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และนอกภูมิภาค เช่น ส่งแถลงการณ์อาเซียนในเวทีสหประชาชาติอย่างเหมาะสม
สนับสนุนการดำเนินการตามเอกสารหรือแนวปฏิบัติที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM) รับรอง เพื่อเสริมมาตรการความไว้ใจระหว่างกองทัพ และสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการระหว่างประเทศอาเซียน เช่น ARMAC, ACCT, ACTIP
ทำได้โดยพยายามรักษาสันติภาพด้วยระบบกฎหมาย ตระหนักถึงความท้าทาย เสริมความร่วมมือขจัดอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การฟอกเงิน การขนส่งยาเสพติด การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย โดยเสริมบทบาท AMMTC และ AMMD ให้เข้มแข็ง และสนับสนุนความร่วมมือด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เทคโนโลยีการสื่อสาร และการจัดการชายแดน
สนับสนุนให้อาเซียนไร้อาวุธนิวเคลียร์ เสริมความสัมพันธ์กับองค์กรระหว่างประเทศด้านพลังงานนิวเคลียร์ เช่น ASEANTOM หรือ IAEA สนับสนุนการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ และเตรียมรับมือเหตุฉุกเฉินนิวเคลียร์ร่วมกัน
ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางทะเลเป็นพิเศษ โดยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับความร่วมมือทางทะเลที่มีอยู่ เช่น ASEAN Maritime Forum (AMF), Expanded ASEAN Maritime Forum (EAMF) และการเผยแพร่รายงาน ASEAN Maritime Outlook ทุกๆ 3 ปี รวมถึงจัดให้มีสายด่วนสื่อสาร เพื่อจัดการเหตุฉุกเฉินทางทะเล และป้องกันความขัดแย้งอย่างทันถ่วงที
ประเด็นทะเลจีนใต้นั้นให้ความสำคัญมากเช่นกัน วิสัยทัศน์ 2045 เร่งให้มีการหารือระหว่างอาเซียนและจีน และระหว่างประเทศอาเซียนด้วยกันเองเกี่ยวกับประเด็นทะเลจีนใต้ ให้มีปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (DOC) และแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC) และทำให้แน่ใจว่ามีเสรีภาพทางการเดินเรือและการบินเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้
ข้อมูลเบื้องต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ 9 แผนยุทธศาสตร์ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนเท่านั้น วิสัยทัศน์อาเซียน 2045 สามารถเข้าถึงที่นี่ เพื่ออ่านด้านการเมือง ความมั่นคง รวมถึงเศรษฐกิจ สังคม และความเชื่อมโยงเพิ่มเติม
ฉัตรวดี จินดาวงษ์ รองอธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าวิสัยทัศน์ฉบับใหม่ แม้มีจุดยืนเหมือนเดิม แต่ต้องมีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ง่ายมากขึ้น
“เราปรับตัววิสัยทัศน์ใหม่ ให้สามารถโอบรับความเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น ทั้งความเปลี่ยนแปลงในแง่ดี และในแง่ที่อาจเป็นท้าทาย เรายังตระหนักถึงโครงสร้างทางสถาบัน คือการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีการคุยกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ว่าทำยังไงให้อาเซียนทำงานอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน [...] วิสัยทัศน์ฉบับใหม่นี้ เราจะเน้นความสามารถในการปรับตัวมากขึ้น จุดเน้นอยู่ที่นวัตกรรม การฟื้นตัว และการเชื่อมต่อมากขึ้น [...] เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ทะเยอทะยานมากขึ้น”
ความชัดเจนและจับต้องได้ ไม่ได้จำกัดแค่ยุทธศาสตร์ด้านการเมืองและความมั่นคง แต่รวมถึงด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเชื่อมต่อ ที่ Spotlight จะสรุปให้ฟังต่อไป