ความยั่งยืน

รู้จัก 3 บริษัทสตาร์ทอัพ ด้านความยั่งยืน สัญชาติญี่ปุ่น

4 ต.ค. 66
รู้จัก 3 บริษัทสตาร์ทอัพ ด้านความยั่งยืน สัญชาติญี่ปุ่น

จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ไปจนถึงมลภาวะต่างๆที่เราต้องพบเจอในแต่ละวัน เช่น น้ำเน่าเสีย หรือ มลภาวะฝุ่น PM2.5 ทำให้หลายๆคนอาจตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา? แล้วมันถึงเวลาที่เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อโลกของเราหรือยัง?

Sustainability หรือ ความยั่งยืน คำที่เราได้ยินเป็นประจำที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร บางคนก็อาจมองความยั่งยืนนั้นเป็นเรื่องไกลตัว แต่บางคนก็เริ่มหันมาสนใจและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันจากเรื่องใกล้ๆตัว เช่นการแยกขยะอย่างถูกต้องและถูกวิธีที่บ้าน

ในปัจจุบัน’ความยั่งยืน’กลายมาเป็นหนึ่งในแนวคิดที่หลายๆองค์กรนำมาขับเคลื่อนภาคธุรกิจมากขึ้น โดยการใส่ใจทั้งผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกันกับบางองค์กร ก็ได้มีการนำแนวคิดเรื่องความยั่งยืนมาเป็นแนวคิดหลักในการจัดตั้งบริษัท

SPOTLIGHT ได้รวบรวม 3 บริษัทสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ จากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้มีการนำความยั่งยืนมาเป็นแนวคิดหลักในการขับเคลื่อนองค์กร จากการเสวนา Exploring Sustainability Initiatives from Japanese Startups ที่งาน SUSTAINABILITY EXPO SX2023

 japanesepanel

1.บริษัท Algal Bio –ผลิตสาหร่ายเพื่อนำมาบำบัดน้ำเสีย

สาหร่าย นับได้ว่าเป็นพืช ที่ใครหลายๆคนมองข้าม  เพราะเป็นพืชที่พบตามแหล่งธรรมชาติทั่วไป สามารถเกิดและอยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำทะเล หรือแม้กระทั่งอยู่กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้ 

แต่บริษัท Algal Bio หยิบพืชที่แสนธรรมดาอย่าง สาหร่ายขนาดเล็ก หรือ Microalgae มาเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางน้ำ โดยการใช้สาหร่ายเป็นตัวดักของเสีย หรือเรียกได้ว่าเป็นหน่วยคัดกรองสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ เช่น ไขมัน น้ำมัน สารพิษ หรือเชิ้อโรคต่างๆ ให้เหลือน้อยที่สุดก่อนมีการปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติ

สาหร่าย ช่วยโลกร้อนยังไง

สาหร่าย นับว่าเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศในฐานะผู้ผลิต โดยเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศในน้ำ

สาหร่าย สามารถปล่อยก๊าซออกซิเจน ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งปริมาณก๊าซออกซิเจนที่มันปล่อยออกมา เรียกได้ว่ามีปริมาณที่สูงกว่าปริมาณที่ต้นไม้และพืชบนดินชนิดอื่นๆปล่อยรวมกันซะอีก ซึ่งโดยรวมแล้วสามารถผลิตออกซิเจนได้ถึง 73 – 87 % ของออกซิเจนที่มีอยู่บนผิวโลกเลยทีเดียว เช่นเดียวกัน สาหร่ายยังสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซได้อีกด้วย

 japanese3_1

2.บริษัท Polar Star Space –นำดาวเทียมมาช่วยเกษตรกร

การปลูกต้นไม้นับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเข้าใจยาก เพราะไม่ว่าเราดูแลดีเกินไป เช่นรดน้ำพรวนดินทุกวัน ต้นไม้ของเราก็อาจมีความชื้นในดินสูงจนเกินไป หรือ หากเราดูแลไม่ดีอย่างเช่น การวางต้นไม้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดเกินไป ก็อาจทำให้ต้นไม้ของเรามีใบเริ่มเปลี่ยนสี หรือแม้กระทั้งการเกิดเชื้อรา

แต่หากเราปลูกต้นไม้เป็นอาชีพ อย่างเกษตรกร การดูแลต้นไม้เพื่อให้ออกใบออกผลที่สวยงาม นับว่าเป็นหัวใจหลักของอาชีพ

บริษัท Polar Star Space ได้มีการนำนวัตกรรมอย่างเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง IOT และดาวเทียม เพื่อมาช่วยเกษตรกรวิเคราะห์โรคที่อาจเกิดขึ้นกับพืชได้ในอนาคต

 japanese2

3.บริษัท Sagri – ใช้ AI มาวิเคราะห์ดิน

บริษัท Sagri ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อช่วยเกษตกรชาวญี่ปุ่นให้มีการเพาะปลูกที่ดีขึ้น โดยการนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ดิน

ลดใช้ปุ๋ย เพื่อช่วยโลก

ปุ๋ยไนโตรเจน ถือเป็นแหล่งสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แล้วยิ่งเกษตรกรใช้ปุ๋ยมากเท่าไร นั้นแปลว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะมากขึ้นเท่านั้น

บริษัท Sagri ได้มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อการเกษตรเพื่อให้เกษตรกรได้ลดการเพาะปลูกโดยการใช้ปุ๋ย แต่ยังสามารถได้ผลผลิตเท่าเดิม

 japanese1

ที่มา : Polar Star Space 

Sagri

Algal Bio

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT