Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยิ่งร้อนยิ่งเหลื่อมล้ำ คนจนทรมานกว่าคนรวย เมื่อการหนีร้อนมีค่าใช่จ่าย
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ยิ่งร้อนยิ่งเหลื่อมล้ำ คนจนทรมานกว่าคนรวย เมื่อการหนีร้อนมีค่าใช่จ่าย

18 ส.ค. 68
14:48 น.
แชร์

อุณหภูมิปี 2025 เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกไม่แพ้ปีไหน ทวีปยุโรปทรมานจากคลื่นความร้อนและไฟป่าต่อเนื่อง พร้อมด้วยภัยแล้งในยุโรปใต้ อันเป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง อ้างอิงจากข้อมูลรายงานสภาพภูมิอากาศโลกเดือนกรกฎาคม 2025 ของ NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration)

และไม่ใช่แค่ยุโรป ข้อมูลจาก NOAA ยังเปิดเผยว่า อุณหภูมิเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาขึ้นแท่นสูงอันดับต้น ๆ ในหลายพื้นที่ตั้งแต่มีการจดบันทึกมา อาทิ ร้อนที่สุดอันดับ 17 ในอเมริกาใต้ เป็นปีที่ร้อนอันดับ 12 ในอเมริกาเหนือ อันดับ 8 ในแอฟริกา อันดับ 4 ในยุโรปและเอเชีย และอันดับ 1 ในญี่ปุ่น

อากาศร้อนนำพามาซึ่งผลกระทบมากมาย และความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นเหยื่อความร้อนมากที่สุดไม่ว่าในประเทศใดคือ คนจน

บทความ In cramped, sweaty Hong Kong, climate change is making things worse for the poorest ของ CNN ยกตัวอย่างคนจนเมือง ผู้รับผลกระทบอากาศร้อนมากกว่าคนกลุ่มอื่น

เยิง ฟ่ง-หยาน ชาวเมืองฮ่องกงผู้อาศัยใน “แฟลตดาดฟ้า” กับหลานชายบรรยายไว้ว่า “บางทีร้อนจนนอนไม่ได้เลย” เธอกล่าวว่า หลานชายวัย 13 ปีของเธอเลิกเรียนและเดินขึ้นแฟลตสูง 9 ชั้นเพื่อพบกับความร้อนในห้องบนชั้นดาดฟ้า

แม้อาศัยอยู่ในหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เยิงและหลานชายกลับต้องอาศัยในบ้านชั่วคราวขนาดเล็ก เพราะปัญหาราคาค่าเช่าบ้านสูง และปัญหาที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอของเมือง

CNN ประมาณการว่า มีชาวเมืองมากกว่า 220,000 คนอาศัยในห้องแบ่งย่อยหรือแฟลตบนดาดฟ้า ห้องแบ่งย่อยหรือ “subdivided units” หรือห้องเช่าที่ถูกแบ่งย่อยออกเป็น 2 ห้องหรือมากกว่านั้นเพื่อเพิ่มจำนวนคนเช่า และรายได้ให้กับเจ้าของที่พัก ส่วนแฟลตบนดาดฟ้า คือวิธีแก้ปัญหาห้องพักราคาสูงและไม่เพียงพอ

บ้านชั่วคราวที่เยิงและหลานอาศัยอยู่มีคุณภาพต่ำ และผนังบาง ๆ ไม่สามารถช่วยกันความร้อนได้ รอยแตกบนหลังคาก็ทำให้มีน้ำฝนรั่วเวลาที่มีฝนตกหนัก เมื่ออากาศร้อนจัด ห้องเล็ก ๆ กลับกลายสภาพเป็นเตาอบขนาดใหญ่ที่มีความชื้นสูง

บ้านชั่วคราวมักสร้างขึ้นด้วยมาตรฐานที่ไม่ดีนัก บางครั้งไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ หรือมีระบบระบายอากาศที่ไม่ดี บางห้องมีขนาดเพียง 15 ตารางเมตร หลายครั้งผู้อยู่อาศัยต้องใช้ห้องน้ำและห้องครัวร่วมกับคนอีก 15-30 คน และอยู่ร่วมกับสัตว์รบกวนอย่างแมลงสาบ และหนู

รอย วัย 15 ปีอาศัยอยู่กับแม่ในห้องแบ่งเช่าราคาถูกที่ไม่มีแม้แต่หน้าต่าง และไม่มีเครื่องปรับอากาศ

“อึดอัดมากเลยครับ รู้สึกเหมือนถูกกั้นจากอากาศปลอดโปร่งข้างนอก เหมือนถูกตัดขาดออกจากโลกข้างนอก”

รอยยังกล่าวว่า การอยู่ในบ้านแบ่งเช่าแบบนี้ทำให้เขาหาเพื่อนได้ยาก กระทบสภาพจิตใจทำให้รู้สึกหม่นหมองบ่อยครั้ง อีกทั้งการป่วยไข้ ที่เขาเชื่อว่ามาจากการต้องอาศัยอยู่ในบ้านแบ่งเช่าสภาพเลวร้าย ก็ทำให้เส้นประสาทใบหน้าของรอยเป็นอัมพาต

ด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยผิดกฎหมายบนดาดฟ้าอาคาร บางครั้งด้วยวัสดุง่าย ๆ อย่างแผ่นไม้ หรือบางครั้งก็ด้วยอิฐและคอนกรีต หรือแผ่นโลหะ ซึ่งอย่างหลังทำให้ภายในห้องมีอากาศร้อนกว่าปกติมากในช่วงกลางวัน และไม่ระบายความร้อนออกในช่วงกลางคืน

อ้างอิงตามข้อมูลของ SoCO (Social Complexity and System) ในปีนี้ อุณหภูมิภายในห้องเช่าเหล่านี้อาจสูงได้ถึง 41 องศาเซลเซียส และคนที่ตอบแบบสำรวจกว่า 93% กล่าวว่า ความร้อนปีนี้รุนแรงกว่าปีที่แล้ว

เมื่อนึกถึงรายงานของ World Bank ที่กล่าวว่า อุณหภูมิในตัวเมืองใหญ่ในเอเชีย สูงกว่าเมืองในพื้นที่ชนบทเฉลี่ยมากถึง 5.9 องศาเซลเซียส และเงื่อนไขที่อยู่ของคนจนในเมืองใหญ่ตามที่ได้ยกตัวอย่างในฮ่องกงไปแล้วนั้น คนจนเมืองยิ่งเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางต่อความร้อนเป็นพิเศษ

สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง นโยบายไทยมองไม่เห็นคนจน

อ้างอิงตามข้อมูลจากมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (มสท.) กล่าวว่า แม้คนจนเมืองจะอยู่ในเมืองใหญ่ในประเทศมาก แต่มักไม่ปรากฏอยู่ในนโยบาย ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ใช้ชีวิตในความเสี่ยง อาทิ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ขาดการระบายน้ำ อยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง พื้นที่ใกล้แหล่งฝุ่นละออง หรือพื้นที่ร้อนจัดเนื่องจากขาดร่มเงาและช่องลม ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องปรับอากาศ น้ำสะอาด หรือบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพดีอย่างคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่าเข้าถึงได้

มสท. กล่าวว่า สาเหตุที่คนจนเมืองได้รับผลจากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเป็นเพราะ “การที่รัฐมองไม่เห็น” ในกระบวนการออกแบบนโยบาย และการมองผลกระทบเป็นภาพใหญ่ เป็นภาพรวมเชิงโครงสร้างมากกว่ารายกลุ่ม หรือรายบุคคล

การปรับตัวเพื่อลดความเปลี่ยนแปลงจากสภาพภูมิอากาศบางประการที่มองเห็นเพียงภาพรวมขนาดใหญ่ และกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีจึงกลายเป็นอันตรายต่อคนจนเมืองไปโดยปริยาย อาทิ การสร้างพนังกั้นน้ำปกป้องเขตเศรษฐกิจช่วงน้ำท่วม ทำให้น้ำไหลท่วมชุมชนแออัดริมคลองรุนแรง หรือการสร้างพื้นที่สีเขียว ที่นำไปสู่การรื้อถอนชุมชนโดยขาดการจัดสรรพื้นที่ใหม่ให้

การปรับตัวที่ผิดพลาดเหล่านี้เรียกว่า maladaptation ซึ่งอาจไม่ได้มีเจตนาทำร้ายคนจน แต่มองไม่เห็นต่างหาก สำหรับเรื่องอุณหภูมิเมืองที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างคือ การสร้างตึกสูงจำนวนมากโดยไม่ได้คำนึงถึงการถ่ายเทอากาศ ชุมชนแออัดที่แทรกตัวอยู่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ ซึ่งบ้านเรือนมักก่อสร้างขึ้นจากสังกะสี หรือมีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวที่สะสมความร้อนมากกว่า และเข้าถึงเครื่องปรับอากาศได้น้อย คือผู้ที่รับกรรมมากกว่าสำนักงานใหญ่ หรือบ้านหรูติดแอร์

ไทยควรทำอย่างไร ให้คนจนไม่รับผลมากเกินไป

บทความของมสท. เรียบเรียงโดย ดร. เบญจมาส โชติทอง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการและแผนงาน ได้แนะนำ 5 วิธีการในการออกแบบนโยบายสาธารณะเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ ที่ให้ความสำคัญกับคนจนเมืองมากยิ่งขึ้น

  1. รักษาพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ซับน้ำ เช่น คลอง สวนซับน้ำ แก้มลิง เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในเมือง รวมถึงชุมชนแออัดที่มักขาดพื้นที่เปิดโล่ง
  2. โครงสร้างพื้นฐานส่งเสริมการเดิน ออกแบบทางเท้าปลอดภัย มีร่มเงาหลบแดด ส่งเสริมการเดินทางด้วยรถสาธารณะเพื่อลด PM2.5 ซึ่งกระทบสุขภาพคนจนเมืองมาก
  3. เพิ่มการเข้าถึงอุปกรณ์-ที่อยู่ที่รองรับสภาพอากาศร้อนดีขึ้น เช่น ฉนวนกันความร้อน หลังคาสะท้อนแสง ช่องลมระบายอากาศ หรือการยกพื้น ควรมีแนวทางบ้านสู้ภัยโลกร้อนราคาต่ำ เพราะคนจนไม่ได้เผชิญภัยสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงน้อยไปกว่าคนรวย การเข้าถึงจึงควรเท่าเทียมกัน
  4. คุ้มครองคนทำงานกลางแจ้ง เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนเก็บของเก่า คนงานก่อสร้าง และคนขับรถรับจ้าง เนื่องจากมีความเสี่ยงเผชิญความร้อนตลอดเวลา ควรมีพื้นที่ให้ร่มเงา จุดน้ำดื่มสาธารณะ และปรับเวลาการทำงานในช่วงอุณหภูมิสูง เพื่อป้องกันโรคลมแดด ภาวะขาดน้ำ และอื่น ๆ

ให้ชุมชนมีส่วนร่วมออกแบบเมือง ผู้มีรายได้น้อยควรมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางนโยบายต่าง ๆ เช่น การวางผังเมือง การรับมือภัยพิบัติ เพื่อฟังประสบการณ์ตรง ซึ่งคนมีรายได้สูงในห้องออกนโยบายอาจมองไม่เห็น

แชร์
ยิ่งร้อนยิ่งเหลื่อมล้ำ คนจนทรมานกว่าคนรวย เมื่อการหนีร้อนมีค่าใช่จ่าย