Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
Spot On : "โคเปนเฮเกน" เดนมาร์ก พิสูจน์แล้วว่าวางแผนเมืองดี ชีวิตดี
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

Spot On : "โคเปนเฮเกน" เดนมาร์ก พิสูจน์แล้วว่าวางแผนเมืองดี ชีวิตดี

6 มิ.ย. 68
12:05 น.
แชร์

หากเอ่ยถึง “เมืองยั่งยืน” ที่สุดในโลก หลายคนอาจนึกถึงเมืองต่าง ๆ ในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และหากมีการจัดอันดับเมืองยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก มักติดอันดับต้น ๆ เสมอ

เมืองแห่งนี้กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับโลก ด้วยเป้าหมายอันชัดเจนในการเป็นเมืองแรกของโลกที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2025 

โคเปนเฮเกนประกาศนโยบายก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งเน้นพลังงานหมุนเวียนและระบบการคมนาคมสีเขียว โดยตั้งแต่ปี 1995 เมืองสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 80% ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ยังรายงานว่า มีความพึงพอใจในการใช้ชีวิตในระดับสูง ซึ่งมาจากการมีพื้นที่สีเขียวอุดมสมบูรณ์และคุณภาพอากาศที่ดีเยี่ยม

เดนมาร์กทำอย่างไรในการสร้างเมืองหลวงอย่างโคเปนเฮเกนให้เป็นเมืองยั่งยืนอย่างแท้จริงได้ Spotlight สรุปให้


เป้าหมายชัดเจน มุ่งสู่เมืองปลอดคาร์บอน

โคเปนเฮเกนตั้งเป้าเป็นเมืองที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (carbon neutral) เมืองแรกของโลกภายในปี 2025 โดยมีการดำเนินการเชิงรุกมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 ด้วยแผนยุทธศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศปี 2025 (2025 Climate Plan) เป้าหมายสำคัญคือการลดการปล่อยคาร์บอนลงทั้งหมด 

ปัจจุบัน โคเปนเฮเกนประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยคาร์บอนลงมากกว่า 40% ตั้งแต่ปี 1990 แม้ประชากรในช่วงเวลาดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นถึง 50% และยังสามารถลดการปล่อยคาร์บอนต่อหัวได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ โดยแม้ประชากรในเขตมหานครจะคิดเป็น 40% ของประชากรเดนมาร์กทั้งหมด แต่กลับปล่อยคาร์บอนเพียง 30% ของประเทศ หรือเฉลี่ยเพียง 2.5 ตันต่อคนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ของเดนมาร์กภายในปี 2025 มีวิธีการคือ เมื่อสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 37% แล้ว เมืองจะดำเนินการซื้อคาร์บอนเครดิต (carbon offsets) เพื่อชดเชยการปล่อยที่เหลืออีก 63% เพื่อให้บรรลุเป้าหมายปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

หลังจากนั้น โคเปนเฮเกนจะเดินหน้าต่อสู่เป้าหมาย "แผนภูมิอากาศปี 2035" (Climate Plan 2035) เพื่อเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง โดยแผนนี้จะประกอบด้วย  3 เป้าหมายหลัก ดังนี้:

  1. บรรลุสถานะ “สภาพอากาศเชิงบวก” (Climate Positive) ภายในปี 2035 หมายความว่า สามารถกำจัดก๊าซคาร์บอนและมลพิษทางอากาศได้มากกว่าที่ปล่อยออกมา
  2. ลดการปล่อย CO₂ ต่อหัวจากการบริโภค (consumption-based emissions) ของชาวโคเปนเฮเกนลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปี 2019 โดยตั้งเป้าให้อยู่ที่ไม่เกิน 5 ตันต่อคน ภายในปี 2035
  3. ลดการปล่อย CO₂ จากการจัดซื้อจัดจ้างของเมือง ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2035 เมื่อเทียบกับระดับในปัจจุบัน

โดย Climate Plan 2035 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2026 และใช้เป็นแนวทางหลักจนถึงปี 2035


ระบบพลังงานหมุนเวียน

ในด้านพลังงาน โคเปนเฮเกนใช้ระบบทำความร้อนรวม (district heating) ที่มีประสิทธิภาพในการให้บริการกับประชาชนกว่า 98% ของเมือง เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากระบบการผลิตความร้อน โดยระบบนี้ใช้พลังงานความร้อนเหลือทิ้งจากโรงไฟฟ้า และความร้อนจากขยะมูลฝอยของเทศบาล นอกจากนี้ ยังสร้างโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลแห่งใหม่ชื่อ BIO4 เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 600 เมกะวัตต์

โรงไฟฟ้า BIO4 ซึ่งเปิดดำเนินการในปี 2020 ถูกออกแบบมาให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1.2 ล้านตันต่อปี นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของโคเปนเฮเกน

เดนมาร์กยังให้ความสำคัญกับพลังงานลม โดยมีฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากถึง ครึ่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งครอบคลุมความต้องการของประชาชนในกรุงโคเปนเฮเกนด้วย


เมืองแห่งจักรยาน ลดก๊าซคาร์บอน ลดรถติด

โคเปนเฮเกนมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการปั่นจักรยานที่ดีที่สุดในโลก ทำให้เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรใช้จักรยานในการเดินทางประจำวัน ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดรถติด และเพิ่มคุณภาพอากาศ

เมืองมีระบบจักรยานสาธารณะ (bike-sharing) ช่องทางจักรยานเฉพาะทาง และเส้นทางพิเศษที่หากนักปั่นรักษาความเร็วตามที่กำหนด จะสามารถเจอสัญญาณไฟเขียวตลอดทาง (Green Wave) ช่วยให้การเดินทางสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น

กรุงโคเปนเฮเกนยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งคาร์บอนต่ำ โดยปัจจุบัน ประมาณ 45% ของการเดินทางทั้งหมดในเมืองเกิดขึ้นด้วยจักรยาน และ 75% ของนักปั่นเหล่านี้ปั่นจักรยานตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ รัฐบาลเมืองยังเพิ่มสัดส่วนรถราชการที่ใช้พลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รถที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพและไฮโดรเจน ซึ่งขณะนี้คิดเป็น 64% ของรถทั้งหมด และตั้งเป้าจะแปลงรถทั้งหมดเป็นพลังงานสะอาดภายในปี 2025 พร้อมทั้งทยอยเปลี่ยนรถโดยสารดีเซลเป็นระบบขนส่งมวลชนที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (carbon-neutral bus service)

พื้นที่สีเขียวอยู่ห่างจากชาวเมืองไม่เกิน 300 เมตร

โคเปนเฮเกนเป็นหนึ่งในเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดในยุโรป โดยมีพื้นที่สีเขียวครอบคลุมประมาณ 30% ของพื้นที่ทั้งหมดของเมือง ภายในเขตเทศบาลเมือง มีพื้นที่สีเขียวที่เปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ประมาณ 22.6 ตารางกิโลเมตร  ซึ่งรวมถึงทะเลสาบและพื้นที่ที่เป็นน้ำด้วย 

มีรายงานว่า ประชาชนกว่า 80% ของเมืองอาศัยอยู่ห่างจากพื้นที่สีเขียวไม่เกิน 300 เมตร และโดยเฉลี่ยแล้ว ชาวโคเปนเฮเกนแต่ละคนมีพื้นที่สีเขียวให้เข้าถึงประมาณ 41 ตารางเมตร 

ด้วยการวางแผนเมืองที่เน้นความยั่งยืนและการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวอย่างทั่วถึง โคเปนเฮเกนจึงเป็นตัวอย่างของเมืองที่ผสมผสานการพัฒนาเมืองกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว


สิ่งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ก็ดีต่อเศรษฐกิจเช่นกัน

ท่ามกลางข้อถกเถียงว่าการลดการปล่อยคาร์บอนอาจนำมาซึ่งต้นทุนทางเศรษฐกิจสูง นายมอร์เทน คาเบลล์ นายกเทศมนตรีฝ่ายเทคนิคและสิ่งแวดล้อมของโคเปนเฮเกน ออกมายืนยันว่า การเปลี่ยนผ่านสู่เมืองสีเขียวไม่ได้เป็นภาระทางการเงินสำหรับโคเปนเฮเกนแต่อย่างใด

เขาอธิบายว่า ความมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน ไม่เพียงช่วยลดการใช้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว

การนำเทคโนโลยีประหยัดพลังงานใหม่ ๆ มาใช้ ยังช่วยเปิดตลาดให้กับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ หรือทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจของเมืองสามารถแข่งขันได้มากขึ้นในเวทีโลกสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ก็ดีต่อเศรษฐกิจเช่นกัน

หากคุณผู้อ่านสนใจประเด็นการสร้างเมืองยั่งยืน Spotlight ชวนร่วมงานสัมมนา “Creating Sustainable City สร้างเมืองยั่งยืน เพื่อชีวิตยืนยาว” ซึ่งจะจัดขึ้นวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 - 12.30 น. ณ ห้อง Auditorium C Asean อาคาร CW Tower ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ทั้งนี้ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้ฟรี (คลิกที่นี่)

๊Urbandevelopmentcph, Talkofthecities,

แชร์
Spot On : "โคเปนเฮเกน" เดนมาร์ก พิสูจน์แล้วว่าวางแผนเมืองดี ชีวิตดี