positioning

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯก.ค. ต่ำสุดในรอบ 10 เดือนวอนเร่งจัดตั้งรัฐบาล แก้เศรษฐกิจเร่งด่วน

16 ส.ค. 66
ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯก.ค. ต่ำสุดในรอบ 10 เดือนวอนเร่งจัดตั้งรัฐบาล แก้เศรษฐกิจเร่งด่วน
ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.66 อยู่ระดับ 92.3 ต่ำสุดในรอบ 10 เดือนหลังภาคการผลิตและอุปสงค์สินค้ชะลอตัวจากหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพที่สูง ดอกเบี้ยขาขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลล่าสุด ขณะที่ปัจจัยภายนอกจากศก.โลกชะลอฉุดส่งออกไทย วอนเร่งตั้งรัฐบาลและหามาตรการกระตุ้นศก.เร่งด่วน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 92.3 ปรับตัวลดลง จาก 94.1ในเดือนมิถุนายน และค่าดัชนีฯต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อพิจารณาองค์ประกอบของค่าดัชนีฯพบว่าปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการเนื่องจากภาคการผลิตและอุปสงค์สินค้าชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าโดยมีปัจจัยเสี่ยงในประเทศมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่และค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำลังซื้อของครัวเรือนอ่อนแอลงส่งผลต่อความต้องการบริโภคสินค้าอุตสาหกรรมลดลงขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้นทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น พร้อมกับปัญหาทางการเมืองที่ยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน

สำหรับปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศมาจากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเปราะบางจากอุปสงค์ในตลาดโลกลดลงทำให้การส่งออกส่งสัญญาณชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดอย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ช่วยพยุงการบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศ

นายเกรียงไกรกล่าวถึง ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100.2 ปรับตัวลดลง จาก 102.1 ในเดือนมิถุนายนเนื่องจากผู้ประกอบการกังวลต่อความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณภาครัฐตลอดจนขาดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้าและค่าจ้างแรงงานเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจการขณะที่สภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง
ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ 1.เร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วและออกนโยบายฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนรวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ 2)เร่งออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาระต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEsเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินและลดความเสี่ยงการเป็นหนี้เสีย (NPL)

3)ขอให้ใช้กลไกของทูตพาณิชย์ในการเจรจาเร่งจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA)และลดปัญหาทั้งอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-TariffBarriers: NTBs) และมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี(Non-Tariff Measures: NTMs)รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าแบบมุ่งเป้าไปยังกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่ม GCC, ลาตินอเมริกา, เอเชียใต้เป็นต้นเพื่อช่วยขยายโอกาสทางการค้าและสนับสนุนภาคการส่งออก และ4)ขอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะโครงการลงทุนต่างๆ ที่ยังค้างท่อเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

Powered By : Positioning

advertisement

SPOTLIGHT