ม.ค.-มี.ค. ของแต่ละปี ถือเป็นฤดูกาลยื่นภาษีประจำปีที่หลายคนคุ้นชิน ในขณะที่หลายคนก็ยังรู้สึกว่าการยื่นภาษีเป็นเรื่องที่ไกลตัวไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง ทั้งที่จริงๆ แล้ว ตนเองอาจอยู่ในข่ายที่ต้องยื่นภาษีโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดต้องจ่ายภาษีย้อนหลังพร้อมเงินเพิ่มอีกไม่น้อย ก่อนที่จะหมดช่วงยื่นภาษีตอนสิ้นเดือนมีนาคม มีสิ่งที่ทุกคนต้องเช็กก่อนเพื่อให้มั่นใจก่อน ดังนี้
หลายคนที่มีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือนและโบนัส เช่น ขายของออนไลน์บนแพลตฟอร์มฮิต ไรเดอร์ส่งอาหาร ฯลฯ มักเข้าใจผิดว่ารายได้เหล่านี้ไม่ต้องยื่นภาษี เพราะอาจคิดว่าสรรพากรไม่รู้ว่าเรามีรายได้ส่วนนี้ หรือรายได้นี้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องยื่นภาษีอีก แต่ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับคนที่มีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือนและโบนัส กรณีเป็นคนโสดแล้วมีรายได้รวมทั้งปีเกิน 60,000 บาท หรือกรณีแต่งงานแล้วมีรายได้รวมกับคู่สมรสทั้งปีเกิน 120,000 บาท ก็ล้วนมีหน้าที่ต้องยื่นภาษี อีกทั้งแม้ว่ารายได้ที่ได้รับจะถูกภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว แต่ก็ยังคงต้องนำรายได้เหล่านั้นไปยื่นภาษีอยู่ดี
นอกจากสิทธิลดหย่อนภาษีที่เกิดจากความตั้งใจ เช่น กองทุน SSF กองทุน RMF ประกันชีวิต ประกันบำนาญ ประกันสุขภาพ ฯลฯ แล้ว ยังมีสิทธิลดหย่อนภาษีที่หลายคนมีโดยไม่ตั้งใจ และบางคนอาจลืมที่จะใช้สิทธิตอนยื่นภาษี ดังนั้นก่อนครบกำหนดวันยื่นภาษี ลองเช็กสิทธิเหล่านี้ให้ดีว่ามีอะไรบ้าง เพื่อจะได้ไม่พลาดตอนยื่นภาษี เช่น
สำหรับผู้ที่ได้รับดอกเบี้ยจาก เงินฝาก/พันธบัตร/หุ้นกู้ หรือเงินปันผลจากกองทุน/หุ้นสามัญ ที่ถูกหักภาษี ณ จ่าย 15% หรือ 10% หากปัจจุบันยังมีรายได้ไม่สูงมาก อาจสามารถขอคืนภาษีทั้งหมดหรือบางส่วนได้ โดยการนำดอกเบี้ย และ/หรือ เงินปันผล มารวมกับรายได้อื่นๆ เพื่อยื่นภาษี เช่น มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน (กรณีไม่มีรายได้อื่น เช่น เงินโบนัส) ดังนี้
ทั้งนี้ การนำรายได้ดังกล่าวไปยื่นภาษี หากจะนำเงินปันผลไปยื่นแล้ว ต้องนำเงินปันผลของทุกกองทุนและทุกษริษัทไปยื่น จะเลือกยื่นแค่บางกองทุนหรือบางบริษัทไม่ได้ ส่วนการยื่นดอกเบี้ยก็ต้องยื่นดอกเบี้ยจากทุกเงินฝากทุกพันธบัตรและทุกหุ้นกู้ที่มีด้วย แต่การยื่นดอกเบี้ยนั้นไม่จำเป็นต้องยื่นเงินปันผลก็ได้
สำหรับเงินได้ปี 2565 การยื่นภาษีออนไลน์สามารถยื่นได้ตั้งแต่ต้นปี 66 ไม่ต้องรอจนถึงวันสุดท้าย โดยไม่ว่าจะยื่นวันไหนหากเป็นการจ่ายภาษีเพิ่ม ก็สามารถจ่ายได้สุดท้ายถึงวันที่ 10 เม.ย. 66 และสามารถเลือกชำระภาษีด้วยบัตรเครดิตของบางธนาคารได้ ทำให้สามารถชะลอการควักหรือโอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากได้อีก 15-55 วัน อย่างบัตรเครดิตที่สรุปยอดก่อนวันที่ 10 เช่น วันที่ 5 เม.ย. หากชำระภาษีด้วยบัตรเครดิตดังกล่าวระหว่างวันที่ 6-10 เม.ย. ก็จะรอสรุปยอดอีกครั้งวันที่ 5 พ.ค. โดยอาจมีวันครบกำหนดชำระหนี้บัตรเครดิตในวันที่ 20 พ.ค. เป็นต้น
อีกทั้งบัตรเครดิตบางธนาคารหลังจากชำระภาษีแล้ว ยังสามารถเลือกเปลี่ยนยอดดังกล่าวเป็นยอดผ่อน 0%ได้ เช่น 0% x 3 เดือน ทำให้เงินในบัญชีที่ชะลอการจ่ายออกไป ยังคงได้รับดอกเบี้ยจากธนาคารอยู่ ซึ่งปัจจุบันเงินฝากดอกเบี้ยสูงอย่าง e-Savings ของบางธนาคารก็ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.5%-2%ต่อปี ทำให้เงินที่ฝากไว้สามารถเติบโตไปอีก 15-55 วัน หรือ 3 เดือน แล้วแต่กรณี ซึ่งใครที่มีภาษีที่ต้องชำระสูง ผลประโยชน์ที่ได้จากดอกเบี้ยเงินฝากก็จะยิ่งสูงตาม
ยื่นและชำระภาษี ถือเป็นหน้าที่ของคนที่มีรายได้ทุกคน ไม่ใช่แค่เพียงให้รัฐนำเงินภาษีนั้นไปทำประโยชน์ต่อคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา แต่ยังทำให้ลดหรือหมดความกังวลหากสรรพากรมีการขอตรวจสอบภาษีย้อนหลังได้
นักวางแผนการเงิน CFP