การเงิน

YLGปรับเป้าทองคำ ปี 66 2,075-2,200ดอลลาร์/ออนซ์แนะเพิ่มความระมัดระวัง

22 มี.ค. 66
YLGปรับเป้าทองคำ ปี 66 2,075-2,200ดอลลาร์/ออนซ์แนะเพิ่มความระมัดระวัง

จากปัญหาภาคการเงินของสหรัฐฯ และยุโรปที่ดูทีท่าว่าจะไม่จบง่ายๆ ส่งผลให้นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น และหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีความผันผวนมาก

โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำในประเทศปรับวันเดียวถึง 15 ครั้ง ปรับขึ้น 10 ครั้ง และลง 5 ครั้ง เมื่อรวมกันแล้วทำให้ราคาทองในประเทศเพิ่มขึ้น 500 บาท และในวันนี้ (14.00 น.) ราคาทองปรับแล้ว 5 ครั้ง 

จากความกังวลของนักลงทุนดังกล่าว ส่งผลให้วายแอลจีได้มีการปรับเป้าหมายราคาทองคำ ปี 2566 เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หลังได้รับปัจจัยหนุนนักลงทุนกังวลวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐและยุโรปอาจไม่จบง่าย ส่งผลเฟดเติมเงินสู่ระบบและมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยน้อยลง ดันทองคำทะยานทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ 

พร้อมแนะให้จับตาหากเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยและเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ มีลุ้นราคาทองคำขึ้นทดสอบ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ 

ขณะที่ทองคำในประเทศมองกรอบ 33,800 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณจาก ค่าเงินบาท 34.40 บาทต่อดอลลาร์) มองพอร์ตลงทุนทองคำที่ดีควรรอยู่ที่ 5-15% ของพอร์ตลงทุนรวมและเตือนไม่ควรไล่ราคา เพราะมีความเสี่ยงเกิดแรงขายทำกำไร แนะลงทุนทองคำผ่าน Gold Online Futures หมดปัญหาเงินบาทผันผวน

“ ตั้งต้นปีจนถึงวันที่ 21 มีนาคม ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 7.85% จากที่เปิดตลาดประมาณ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ มาทำระดับสูงสุดของปีที่ 2,009 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ถือเป็นการทำราคาสูงสุดใหม่ทุกวันนับจากวันศุกร์ที่ผ่านมา และเป็นการปรับขึ้นสูงสุดนับจากเดือนเมษายน 2565 และถือว่าเข้ามาใกล้จุดสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ”   นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) กล่าว

โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการกลับเข้ามาเติมเงินสู่ระบบของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังจากเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องของกลุ่มธนาคารในสหรัฐและลุกลามมาสู่ยุโรป ซึ่งปัจจัยนี้ยังส่งผลให้นักลงทุนจับตาดูธนาคารแห่งอื่นๆที่เผชิญปัญหาเดียวกันอาจจะมีมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ว่าเฟดและกระทรวงการคลังของสหรัฐจะออกมาตรการให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่เติมสภาพคล่องสู่ระบบแต่ธนาคารท้องถิ่นของแต่ละรัฐมีจำนวนมาก จึงทำให้นักลงทุนยังมองว่ามีความเสี่ยง 

ดังนั้น สินทรัพย์ปลอดภัยโดยเฉพาะทองคำจึงมีแรงซื้อเข้ามา และตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอความเข็งแกร้าวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ก็เริ่มคงเข้าซื้อทองคำ จึงหนุนให้ทองคำพุ่งอย่างแข็งแกร่ง

จากปัจจัยดังกล่าว วายแอลจีได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำจากต้นปีที่ประเมินไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ 

โดนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้หากต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้น เพราะราคาทองคำปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว มีโอกาสเจอแรงขายทำกำไร แถวๆ 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์  

อย่างไรก็ตาม หากต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลง แถวๆ 1,804-1,786 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ กรอบแนวรับ 29,350-29,100 บาทต่อบาททองคำ แนวต้าน 33,800 บาทต่อบาททองคำ

“ แม้ว่าราคาทองคำจะเป็นทิศทางแกว่งตัวสู่ขาขึ้น แต่วายแอลจียังคงแนะนำสัดส่วนการลงทุนทองคำที่ดีควรมีทองคำ 5-10% ของพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนรวม โดยไม่แนะนำให้ไล่ราคาเพราะทองคำขึ้นมาใกล้จุดสูงสุดอาจจะมีแรงขายทำกำไรได้” นางสาวฐิภากล่าว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถลงทุนทองคำผ่าน ตลาด ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะการลงทุนในโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ  ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท 

นอกจากนี้ วายแอลจียังเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนด้วยการจับมือกับ CME Group ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ครอบคลุมบริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าครบวงจร เพิ่มทางเลือกให้ที่สนใจลงทุนในตลาดล่วงหน้าที่มีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างครบถ้วน ทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน หุ้น ไปจนถึงสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน 

 

 

advertisement

SPOTLIGHT