ไทยลีกวิกฤต…!! จากมูลค่าลิขสิทธิ์ 1,050 ล้าน เหลือไม่ถึง 60 ล้าน
จากเหตุการณ์ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย ฤดูกาล 2023-24 ที่ลดฮวบจาก 1,050 ล้าน เหลือแค่ 50 ล้านบาท ส่งผลให้สโมสรสมาชิกไทยลีก 1 ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแยกตัวออกจากสมาคมฯ เพื่อจัดการแข่งขันและดูแลสิทธิประโยชน์ด้วยตัวเอง แต่ว่าอะไรที่เป็นปัจจัยทำให้ กระแส ฟุตบอลไทย ตกลงขนาดนี้…
ปัจจัยที่ทำให้ มูลค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทย ไปไม่ถึงดวงดาว
- ประสิทธิภาพของทีมไทยลีกที่ย่ำอยู่กับที่ : ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทีมไทยลีกไม่สามารถทำผลงานได้ดีในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ทีมไทยลีกเคยผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 1998 และ 2018 แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทีมไทยลีกไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายเลย ส่งผลให้ความนิยมในฟุตบอลไทยลีกลดลง
- การบริหารของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่ย่ำแย่ : สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยมีการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสและมีปัญหาหลายประการ ซึ่งทำให้แฟนบอลขาดความเชื่อมั่นในองค์กร ตัวอย่างเช่น ปัญหาการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ปัญหาการกีดกันสโมสรขนาดเล็ก และปัญหาการขาดความโปร่งใสในการตัดสินการแข่งขัน
- การระบาดของโรคโควิด-19 : ส่งผลให้การแข่งขันฟุตบอลไทยต้องเลื่อนออกไปเป็นเวลานาน แฟนบอลไม่สามารถเข้าไปชมในสนามได้ ทำให้รายได้จากการถ่ายทอดสดลดลงอย่างหนัก นอกจากนี้ทางบริษัท เซนส์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ที่ประมูลการถ่ายทอดสดไทยลีกสูงถึง 1,200 ล้านบาท/ปี เกิดปัญหาขาดทุนจากการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย จึงขอถอนตัวจากสัญญา จนท้ายที่สุดได้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS มาเป็นผู้ชนะประมูลการถ่ายทอดสดไทยลีก ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งล่าสุดมากหรือมูลค่าลดไปกว่า 900 ล้านบาท
- การแข่งขันจากสื่อออนไลน์ : ในปัจจุบัน แฟนบอลสามารถรับชมฟุตบอลได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผ่านสื่อออนไลน์ เช่น YouTube, Facebook, หรือเว็บไซต์สตรีมมิ่ง ซึ่งทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อรับชมฟุตบอลไทยลีกผ่านโทรทัศน์
จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้มูลค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยลีกลดลงอย่างมากและผู้ชนะการประมูลในครั้งนี้คือ บริษัท ไทยลีก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยอีก(และจะไม่ให้เจ๊งได้อย่างไร) โดยบริษัท ไทยลีก จำกัด ได้เสนอราคา 50 ล้านบาท สำหรับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2023-24
ปัญหาฟุตบอลไทย ในมุมมอง นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน
นายกฯเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาฟุตบอลไทยว่า เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ฟุตบอลไทยพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดพีกเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เห็นได้จากจำนวนผู้ชมที่สนามฟุตบอลเมืองทองธานีที่แน่นขนัด และยอดขายของที่ระลึกที่สูงถึง 1 ล้านบาท แต่ในปัจจุบัน แม้แต่แมตช์ใหญ่ ก็ยังมีผู้ชมเพียงครึ่งสนาม และยอดขายของที่ระลึกก็ลดลง ทั้งหมดนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าฟุตบอลไทยกำลังตกต่ำ
นายกฯเศรษฐามองว่า ปัญหาหลักของฟุตบอลไทย คือความไม่โปร่งใสในการบริหารงาน ทั้งเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด การจัดการแข่งขัน และการตัดสินของกรรมการ ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชม ทำให้ผู้ชมไม่สนใจที่จะติดตามฟุตบอลไทยอีกต่อไป เมื่อผู้ชมน้อยลง สปอนเซอร์ก็ไม่อยากสนับสนุน ส่งผลให้สโมสรต่างๆ ขาดรายได้ และไม่สามารถพัฒนาทีมได้ ในปัจจุบัน ไทยลีก 1 ยังมีสโมสรค้างเงินอยู่ 3-4 ทีม ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักเตะและบุคลากรในวงการฟุตบอล
ทำอย่างไรให้ มูลค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยกลับไปสู่พันล้านอีกครั้ง
เรื่องนี้เคยมีตัวอย่างมาแล้ว คงต้องย้อนไปกลับไปดูช่วงปี 2552 ที่ กระแสฟุตบอลไทยเริ่มเฟื่องฟูแฟนบอลต่างหลั่งไหลเข้ามาชมเกมจนเต็มความจุของสนาม ทำให้การขายลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยลีกเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีดังกล่าว โดยบริษัท สยามสปอร์ต จ่ายเงินให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท/ปี กระแสฟุตบอลไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2554 บริษัท ทรูวิชั่นส์ เข้ามาประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยด้วยวงเงินถึง 200 ล้านบาท/ปี ซึ่งมากกว่าเดิมถึง 5 เท่านอกจากนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะต้องสร้างความโปร่งใสในการบริหารงานและตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับแฟนบอลและสปอนเซอร์
สุดท้ายนี้การลดลงของมูลค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยลีกถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับวงการฟุตบอลไทย โดยการที่มูลค่าลิขสิทธิ์ลดลงอย่างมาก หมายความว่าสโมสรฟุตบอลไทยจะได้รับเงินสนับสนุนน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของสโมสรและคุณภาพของการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก