อินไซต์เศรษฐกิจ

"กรุงเทพฯ" ติดท็อป 5 เมือง Work-Life Balance แย่ที่สุดในโลก

1 มิ.ย. 65
"กรุงเทพฯ" ติดท็อป 5 เมือง Work-Life Balance แย่ที่สุดในโลก

เราเคยได้ยินบ่อยๆ ว่าคน "ญี่ปุ่น" ทำงานหนักจนตาย จนมีศัพท์เฉพาะว่าคาโรชิ ส่วนคน "เกาหลีใต้" ก็ได้ชื่อว่าบ้างานเป็นเบอร์ต้นๆ ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า "กรุงเทพฯ" ของเรา ก็ติดอันดับเมืองที่คน "ทำงานหนักที่สุดในโลก" ด้วย
 

บริษัทเทคโนโลยีที่ให้คำปรึกษาด้านการทำงาน Kisi ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับสมดุลการทำงาน-การใช้ชีวิต หรือ Work-Life Balance Index ล่าสุดประจำปี 2022 ว่า กรุงเทพมหานคร ติด 1 ใน 5 เมืองที่มีปัญหาเรื่อง Work-Life Balance ไม่สมดุลมากที่สุดในโลก โดยอยู่ในอันดับที่ "96" จาก 100 เมืองทั่วโลก หรือเป็น 5 อันดับรั้งท้ายนั่นเอง


ในการจัดอันดับปีที่แล้ว 2021 กรุงเทพฯ ก็อยู่ในกลุ่มท้ายตารางเช่นกัน โดยอยู่ที่ 49 จากทั้งหมด 50 ประเทศ ดีกว่าแค่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เท่านั้น (ปีที่แล้วจัดอันอันดับ 50 เมือง แต่ปีล่าสุดจัดอันดับเพิ่มเป็น 100 เมือง)

16186639550172

ก่อนที่จะเข้าใจว่า ทำไมกรุงเทพฯ ถึงเป็นท็อป 5 เมืองยอดแย่ในแง่ Work-Life Balance เราต้องดูก่อนว่า เขาวัดจากอะไร


ผลสำรวจนี้ ได้นำเอาปัจจัยหลายอย่างมาเป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์ โดยแบ่งเป็น 3 ด้านหลัก คือ 1.ความหนักของงาน 2.ความน่าอยู่ของเมือง และ 3.สังคมกับสถาบันที่เกื้อหนุน

1. ความหนักของงาน (WORK INTENSITY) - สัดส่วนงานที่ทำทางไกลได้, สัดส่วนประชากรที่ทำงานล่วงเวลา, จำนวนวันลาขั้นต่ำ, จำนวนวันลาที่ถูกใช้, การว่างงาน, สัดส่วนคนทำงานมากกว่า 1 งาน, อัตราเงินเฟ้อ และจำนวนวันลาคลอด

2. ความน่าอยู่ของเมือง (CITY LIVEABILITY) - ความสามารถในการจับจ่าย, ความสุข วัฒนธรรม และกิจกรรมนันทนาการ, ความปลอดภัยของเมือง, พื้นที่กลางแจ้ง, คุณภาพอากาศ และความเป็นอยู่ด้านสุขภาพ

3. สังคมและสถาบันที่เกื้อหนุน (SOCIETY AND INSTITUTIONS) - ผลกระทบจากโควิด-19, ความช่วยเหลือเรื่องโควิด, ระบบสาธารณสุข, การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิต และความเท่าเทียม

 

สิ่งที่น่าสนใจของการจัดอันดับในปี 2022 นี้ก็คือ "กรุงเทพฯ มีคะแนนต่ำที่สุดในหลายข้อ" ได้แก่ สัดส่วนงานที่ทำทางไกลได้ (Remote Jobs) ซึ่งได้ไปแค่ 16.84% เท่านั้น, จำนวนวันลาขั้นต่ำ ซึ่งอยู่ที่ 6 วัน/ปี, และสุดท้ายคือ ความสามารถในการจับจ่าย (Affordability) ซึ่งกรุงเทพฯ ได้ไป 50 คะแนน จากเต็ม 100 หรืออาจพูดง่ายๆ ได้ว่า รายจ่ายสวนทางรายได้ไปไกลแล้ว


นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายข้อที่ กรุงเทพฯ อยู่ในกลุ่มท้ายตาราง เช่น ความปลอดภัยของเมือง ซึ่งกรุงเทพฯ เป็นรองเพียงแค่ เคปทาวน์ กับ เซาเปาโล เท่านั้น


สำหรับสัดส่วนประชากรที่ทำงานล่วงเวลา (Overworked Population) ตรงนี้จะพบว่า กรุงเทพฯ ของเราติดอันดับ 7 มีคนทำโอที (บางทีก็เป็น โอฟรี) มากที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยอยู่ที่ 15.10% เป็นรอง ดูไบ, ฮ่องกง, กัวลาลัมเปอร์, สิงคโปร์. มอนเตวิเดโอ และ โตเกียว

websl(1)


5 อันดับเมือง "ยอดเยี่ยม" Work-Life Balance

1. ออสโล ประเทศนอร์เวย์
2. เบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
3. เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
4. ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
5. โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก



5 อันดับเมือง "ยอดแย่" Work-Life Balance

1. เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
2. ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
3. กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
4. เซาเปาโล ประเทศบราซิล
5. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

ที่มา: https://www.getkisi.com/

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

 "ฟินแลนด์"แชมป์สุขที่สุด 5 ปีซ้อน ขณะที่คนไทยสุขลดลง

เมื่อทั่วโลกลองให้ทำงาน 4 วัน แต่ปัญหาและอุปสรรคก็มีไม่น้อย

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT