การเงิน

กบข. ย้ำไม่ได้ลงทุนในธนาคารที่ถูกสั่งปิด กองทุนไทยลงทุน SVB อย่างจำกัด

16 มี.ค. 66
กบข. ย้ำไม่ได้ลงทุนในธนาคารที่ถูกสั่งปิด กองทุนไทยลงทุน SVB อย่างจำกัด

แบงก์ล้มสหรัฐฯไม่สะเทือนไทย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ย้ำไม่ได้ลงทุนในธนาคารที่ถูกสั่งปิด ส่วนสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เผยกองทุนไทยลงทุนใน SVB ในสัดส่วนจำกัด ผลกระทบน้อย

วิกฤตศรัทธาในสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ได้สร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลกว่าปัญหานี้จะเกิดลุกลามเป็นปัญหาด้านการเงินระดับโลก รวมไปถึงผู้ฝากเงินและนักลงทุนในประเทศไทยที่กังวลว่ากองทุนหรือหน่วยงานที่ลงทุนหรือฝากเงินไว้จะมีการนำเงินของเราไปลงทุนในบริษัทหรือผลิตภัณฑ์ใดที่เกี่ยวข้องกับ 3 ธนาคารของสหรัฐคือ Silicon Valley Bank (SVB), Signature Bank และ Silvergate Bank บ้างหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสองหน่วยงานคือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ได้ออกมายืนยันแล้วว่าทั้งสององค์กรไม่มีการลงทุน หรือมีการลงทุนในสัดส่วนที่น้อยมากในธนาคารที่ถูกปิดตัว และวิกฤตนี้จะไม่ส่งผลกับไทยอย่างมีนัยสำคัญ

 

กบข. ย้ำไม่ได้ลงทุนในธนาคารสหรัฐที่โดนสั่งปิด

จากกรณีธนาคารใหญ่ในสหรัฐฯ 3 แห่ง ได้แก่ Silicon Valley Bank (SVB), Signature Bank และ Silvergate Bank ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องจนถูกสั่งปิดกิจการและถูกควบคุมโดยหน่วยงานภาครัฐนั้น

ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ไม่มีการลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ของธนาคารทั้ง 3 แห่ง หรือสินทรัพย์ดิจิทัลแต่อย่างใด 

วิกฤตการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดพลาดจากนโยบายและการบริหารจัดการทรัพย์สิน (Asset) และหนี้สิน (Liabilities) ของ SVB ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ขยายวงกว้างและลุกลามไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ แต่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการควบคุมและจำกัดผลกระทบให้อยู่ในวงแคบ เพื่อลดความตื่นตระหนกของประชาชน และฟื้นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ พร้อมยืนยันเสถียรภาพของระบบการเงินของสหรัฐฯ ว่ายังมีความแข็งแกร่ง

โดย กบข. มองว่า ตลาดลงทุนยังมีความผันผวนจากความไม่แน่นอนของนโยบายอัตราดอกเบี้ย ภาวะเงินเฟ้อ การขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน รวมถึงกลุ่ม Venture capital Private equity และ Startup จะมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนน้อยลง 

สิ่งที่เกิดขึ้นจะกระทบกับกำไรและงบดุลของกลุ่มธนาคาร และเป็นสัญญาณเชิงลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปี และ 10 ปี ได้ปรับตัวลงอย่างรุนแรง ประมาณ 40-70bps สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนโดยรวมของ กบข. 

อย่างไรก็ตาม กบข. ได้ติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด และได้ดำเนินนโยบายการลงทุนอย่างรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่สมาชิก

 

กองทุนรวมไทยลงทุนใน SVB ในสัดส่วนที่จำกัด คาดกระทบในระยะสั้น 

 นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ชี้แจงกรณีธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ที่ประสบปัญหา ซึ่ง Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ของสหรัฐอเมริกามีคำสั่งให้ปิดกิจการเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566 นั้น สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม) ได้สำรวจข้อมูลการลงทุนของกองทุนรวมไทยทั้งหมดที่มีการลงทุนในต่างประเทศ พบว่า บลจ.ไทยไม่มีการลงทุนโดยตรงใน SVB แต่เป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมปลายทาง (Master Fund) โดยเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนเฉพาะกลุ่ม Financial และ Financial Technology (Fintech) เท่านั้น โดยกองทุน Master Fund จะมีการจำกัดสัดส่วนการลงทุนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้ผลกระทบนั้นอยู่ในวงที่จำกัด

ทั้งนี้ กองทุนรวมของไทยแต่ละแห่งที่มีการลงทุนใน SVB ได้ติดตามการลงทุนกับกองทุน Master Fund อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจมีต่อกองทุนรวมของไทยและกำหนดแนวทางในการจัดการอย่างทันท่วงที โดยกองทุน Master Fund มีการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม และดำเนินการสำรองสภาพคล่องไว้รองรับ เบื้องต้น ยังไม่พบการไหลออกของเงินทุนอย่างมีนัยสำคัญทั้งในส่วนของ Master Fund และกองทุนรวมของไทย  

นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาออกมาแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว โดย Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ซึ่งเป็นสถาบันค้ำประกันเงินฝากของสหรัฐ ได้ประกาศค้ำประกันผู้ฝากเงินเต็มจำนวนของ SVB ทำให้ลูกค้าสามารถกลับมาถอนเงินได้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2566 อีกทั้ง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็ได้ออกมาตรการ Bank Term Funding Facility เพื่อเข้ามาดูแลปัญหาสภาพคล่องที่อาจจะเกิดกับธนาคารอื่นๆ ด้วย จึงคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะกระทบกับอุตสาหกรรมการเงินและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศสหรัฐอเมริกาในลักษณะที่เป็นแรงกดดันระยะสั้น 

อย่างไรก็ดี สมาคมและ บลจ. จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีความพร้อมที่จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยลงทุน



advertisement

SPOTLIGHT