นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ ธอส. ได้จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ตามนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและผ่อนปรนเงื่อนไข ภายใต้กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาทนั้น
ล่าสุด ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565 มีลูกค้าติดต่อยื่นกู้ที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศแล้ว จำนวน 12,696 ราย วงเงินสินเชื่อ 11,195 ล้านบาท และ ธอส. ได้อนุมัติสินเชื่อเพื่อสานฝันให้ลูกค้าได้มีบ้านเป็นของตนเองสำเร็จไปแล้วกว่า 11,500 ราย วงเงินสินเชื่อ 9,850 ล้านบาท
"ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในตลาด เพียงแค่ 1.99% ต่อปี กรณีกู้ 1.2 ล้านบาท ซึ่งผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 40 ปี ทำให้ลูกค้าชำระเงินงวดเพียงแค่ 5,000 บาท เป็นเวลานานถึง 7 ปีแรก และด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขของโครงการ ทำให้กรณีผู้กู้มีรายได้สุทธิต่อเดือน 10,000 บาท ก็จะทำให้ได้รับวงเงินกู้สูงสุดจำนวน 1.2 ล้านบาท" นายฉัตรชัย กล่าว
โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 เป็นการให้สินเชื่อสำหรับซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี โดยลงทะเบียนผ่าน Mobile Application : GHB ALL เพื่อรับรหัสสำหรับเข้าร่วมโครงการทาง GHB Buddy บน Application Line
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดูความสัมพันธ์ระหว่างระยะเวลาและกรอบวงเงินสินเชื่อ จะพบว่า ยังมีผู้ยื่นขอกู้โครงการนี้ในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย
โดยหลังจากที่เริ่มโครงการเมื่อเดือน ก.ย. 2564 ปัจจุบันผ่านมาแล้ว 6 เดือน มีผู้ยื่นขอสินเชื่อไปเพียงประมาณ 56% เท่านั้น หรือราว 11,195 ล้านบาท จากกรอบวงเงินสินเชื่อทั้งหมด 2 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ให้ความเห็นว่า แม้โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ดี โดยมุ่งช่วยกลุ่ม "ผู้มีรายได้น้อย ผู้ที่เริ่มทำงาน และผู้สูงอายุ" ให้ได้มีโอกาสซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ในวงเงินกู้ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงคือ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีภาระ "หนี้ครัวเรือน" ในสัดส่วนที่สูงอยู่แล้ว ทำให้หลายคนไม่สามารถกู้เพิ่มได้อีกเพื่อนำไปซื้อบ้าน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ พบว่า ตัวเลขหนี้ครัวเรือนไตรมาส 3 ปี2564 มีการขยายตัวชะลอลง อยู่ที่ 89.3% ของจีดีพี โดยหนี้ครัวเรือนมีมูลค่า 14.35 ล้านล้านบาท ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ปีนี้มีโอกาสที่หนี้ครัวเรือนจะแตะ 15 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์หนี้ครัวเรือนยังเป็นวาระที่นายกรัฐมนตรี กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือนด้วย
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่สนใจ ยังสามารถลงทะเบียนผ่าน Mobile Application : GHB ALL เพื่อเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง เพราะโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 จะสิ้นสุดยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 หรือเมื่อมีลูกค้าได้รับอนุมัติสินเชื่อและทำนิติกรรมเต็มกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขการกู้ดังนี้
วงเงินให้กู้: ที่อยู่อาศัยในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ให้กู้เพื่อซื้อบ้าน หรือห้องชุด ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อปลูกสร้าง และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมซื้อบ้านหรือห้องชุด
อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี
ปีที่ 5-7 เท่ากับ MRR -2% ต่อปี
ปีที่ 8 ถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป เท่ากับ MRR -0.75% ต่อปี, กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR -1% ต่อปี, กรณีกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR, ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารอยู่ที่ 6.150% ต่อปี
การผ่อนชำระ: ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก หรือ 7 ปี กรณีกู้ 1,200,000 บาท ผ่อนชำระงวดละ 5,000 บาท ในช่วง 84 งวดแรก
ฟรีค่าธรรมเนียม: 1. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2. ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) 3. ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท ต่อราย) และ 4. ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)