Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ส่องแผนฮ่องกงชวนจีนปั้นศูนย์กลางซื้อขายทอง เพิ่มอำนาจกำหนดราคาทองโลก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ส่องแผนฮ่องกงชวนจีนปั้นศูนย์กลางซื้อขายทอง เพิ่มอำนาจกำหนดราคาทองโลก

24 ธ.ค. 68
20:36 น.
แชร์

ก่อนหน้านี้ ฮ่องกงเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งใน ‘ศูนย์กลางการเงินโลก’ แต่ฮ่องกงไม่ได้พอใจเพียงแค่นั้น ตอนนี้ตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางการซื้อขายทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์โลก หวังหาเครื่องยนต์การเติบโตใหม่ ๆ นอกเหนือจากภาคการเงินที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฮ่องกงมาเนิ่นนาน ขณะเดียวกันก็หวังที่จะเพิ่มบทบาทและอำนาจของฮ่องกงในการกำหนดราคาทองคำในตลาดโลก 

ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก คือ แผนดำเนินการที่จะเดินไปสู่เป้าหมายนี้ของฮ่องกงจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งหมายความว่าแผนนี้ของฮ่องกง จะเพิ่มอำนาจของจีนในการกำหนดราคาทองในตลาดโลกด้วย

แผนตั้งศูนย์ซื้อขายทองคำระหว่างประเทศของฮ่องกง

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองฮ่องกง เผยแพร่ข้อมูลว่า ฮ่องกงกำลังชู ‘ทองคำ’ เป็นหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์ในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก โดยเจ้าหน้าที่ของฮ่องกงได้ให้ความสำคัญกับแผนจัดตั้งศูนย์ซื้อขายทองคำระหว่างประเทศ (International Gold Trading Hub) ควบคู่ไปกับยุทธศาสตร์ในการขยายบทบาทของฮ่องกงในด้านการค้าสินค้าโภคภัณฑ์หรือสินทรัพย์ที่จับต้องได้จริง (เช่น ทองคำ) การซื้อขายตราสารอนุพันธ์ และระบบโลจิสติกส์สินค้าโภคภัณฑ์ 

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Strategy Committee) ของรัฐบาลฮ่องกง ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ได้ประชุมครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีพอล ชาน โม-โป (Paul Chan Mo-po) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน 

พอล ชาน กล่าวในการประชุมว่า ฮ่องกงมีศักยภาพอย่างมหาศาลในการพัฒนาตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการไหลเวียนของเงินทุน สินค้า และข้อมูลที่เสรีภายใต้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” 

รมว.คลังฮ่องกงกล่าวอีกว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยให้ฮ่องกงมีบทบาทต่อการพัฒนาระดับประเทศและระดับโลก พร้อมทั้งสร้างโอกาสใหม่และความหลากหลายให้แก่การเติบโตของเมือง 

คริสโตเฟอร์ ฮุย ชิงหยู (Christopher Hui Ching-yu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงบริการทางการเงินและคลังของฮ่องกงให้สัมภาษณ์กับสื่อในจีนแผ่นดินใหญ่ว่า การพัฒนาศูนย์ซื้อขายทองคำระหว่างประเทศจะเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญ ฮ่องกงมีแผนจัดตั้งระบบชำระราคาและส่งมอบทองคำแบบศูนย์กลาง (gold central clearing system) และก่อตั้งสมาคมอุตสาหกรรมทองคำภายในปีหน้า

ดึงจีนแผ่นดินใหญ่ร่วมมือ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงบริการทางการเงินและคลังของฮ่องกงบอกว่า ฮ่องกงจะเสริมสร้างความร่วมมือกับตลาดซื้อขายทองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange) เพื่อขยายอิทธิพลของฮ่องกงในการกำหนดราคาทองคำในตลาดโลก ทั้งนี้ โมเดลธุรกิจ คือ “ฮ่องกงนำเข้า–เซินเจิ้นถลุงทองคำ–ส่งออกไปต่างประเทศ” มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดผู้ประกอบการถลุงทองคำจากต่างประเทศ พร้อมเปิดเผยว่า มีบริษัทบางแห่งกำลังพิจารณาจัดตั้งโรงงานถลุงทองคำในฮ่องกงแล้ว

พอล ชาน กล่าวถึงจีนว่า ประเทศจีนในฐานะหนึ่งในผู้บริโภคและเป็นตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก กำลังเร่งพัฒนาคุณภาพควบคู่กับการเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านคาร์บอนและการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียว ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่กำลังกำหนดรูปแบบความต้องการพลังงาน โลหะ และวัตถุดิบอื่น ๆ ใหม่ 

เฮนดริก ซิน (Hendrick Sin) ผู้แทนฮ่องกงในสภาประชาชนแห่งชาติของจีน กล่าวว่า ประเทศจีนเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าหรือผู้บริโภคสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ยังขาดอำนาจในการกำหนดราคาที่สอดคล้องกับปริมาณการซื้อขาย ทำให้อุตสาหกรรมภายในประเทศเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในตลาดโลก 

ซินกล่าวอีกว่า การที่จีนรวมตัวกับผู้ค้าในฮ่องกงมากขึ้นจะช่วยเพิ่มความต้องการบริการต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การโลจิสติกส์ การจัดเก็บสินค้า ประกันภัย บริการทางกฎหมาย และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนใหม่ให้เศรษฐกิจฮ่องกง 

“ยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าโภคภัณฑ์ของฮ่องกงมุ่งเน้นไปที่หมวดโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก และวัตถุดิบที่จำเป็นต่อโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศต่าง ๆ ภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายบทบาทของเงินหยวนในเวทีระหว่างประเทศ” เฮนดริก ซินกล่าว

อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลที่ สคต. ณ ฮ่องกงเผยแพร่ ไม่มีการระบุว่า ฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ตอบสนองต่อแผนนี้ของฮ่องกงอย่างไร แต่ตามข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ จีนเองก็ต้องการเพิ่มบทบาทของตนเองในตลาดทองคำและระบบการเงินโลก โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) มีแผนผลักดันตนเองสู่การเป็นผู้ดูแล (custodian) ทองคำสำรองของประเทศต่าง ๆ โดยใช้ตลาดซื้อขายทองคำเซี่ยงไฮ้ดึงดูดธนาคารกลางจากประเทศพันธมิตรให้เข้ามาซื้อและเก็บรักษาทองคำไว้ที่จีน

ฮ่องกงเตรียมการวางรากฐานมาแล้ว 2 ปี 

คณะกรรมการยุทธศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์ของฮ่องกงจัดตั้งขึ้นภายหลังคำแถลงนโยบายของผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อเดือนกันยายน 2025 ซึ่งได้กำหนดแผนการพัฒนาระบบนิเวศด้านการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ของฮ่องกง 

คณะกรรมการชุดนี้มีเป้าหมายในการรวบรวมผู้นำจากภาคการเงิน การพาณิชย์ การขนส่งทางเรือ โลจิสติกส์ และบริการวิชาชีพ เพื่อศึกษาทิศทางของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โลกและให้คำปรึกษาด้านนโยบาย รวมถึงมีหน้าที่ในการตรวจสอบการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ การซื้อขายทางการเงินและตราสารอนุพันธ์ กิจกรรมด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ การระบุโอกาสในหมวดสินค้าโภคภัณฑ์หลักและหมวดใหม่  การปรับปรุงกลไกตลาดและกรอบกำกับดูแล การเสริมสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมโดยรวม และการสำรวจความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับตลาดจีนแผ่นดินใหญ่

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ฮ่องกงได้วางรากฐานสำหรับการผลักดันด้านสินค้าโภคภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ดังนี้ 

  • มกราคม 2025: ตลาดโลหะลอนดอน (London Metal Exchange: LME) ได้อนุมัติให้ฮ่องกงเป็นสถานที่ตั้งคลังสินค้าที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ทำให้ฮ่องกงเชื่อมโยงกับตลาดโลหะของจีนแผ่นดินใหญ่โดยตรงมากขึ้น 
  • มิถุนายน 2025: ตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange) ได้เปิดคลังสินค้านอกจีนแผ่นดินใหญ่แห่งแรกในฮ่องกง
  • กรกฎาคม 2025: มีคลังสินค้าที่ได้รับการรับรองจาก LME จำนวน 8 แห่งเริ่มดำเนินธุรกิจในฮ่องกง โดยมีการจัดการโลหะที่ขึ้นทะเบียนกับตลาดซื้อขายมากกว่า 8,000 ตัน ทั้งทองคำ อะลูมิเนียม ทองแดง สังกะสี ตะกั่ว นิกเกิล และดีบุก

สคต.ฮ่องกง แนะผู้ประกอบการไทยศึกษาและเตรียมพร้อม

จากความเคลื่อนไหวนี้ของฮ่องกง สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองฮ่องกง มีคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทยว่า ฮ่องกงกำลังปรับปรุงกรอบกำกับดูแลสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่มีความต้องการทำการค้ากับฮ่องกงควรเตรียมเอกสารและมาตรฐานให้สอดคล้อง เช่น มาตรฐานคุณภาพโลหะ การตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) และการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านฟอกเงิน (AML)

“ผู้ประกอบการไทยควรใช้เครื่องมือ hedging ป้องกันความเสี่ยงด้านราคา หรือใช้เครื่องมือทางการเงินหรือกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อทำให้ผลกระทบจากความผันผวนของราคาลดลง หรือคงที่มากขึ้น ไม่ให้ธุรกิจขาดทุนหนักเวลาตลาดเหวี่ยง รวมถึงควรทำสัญญาซื้อขายแบบป้องกันความเสี่ยง และเพิ่มการกระจายตลาดและหาคู่ค้าให้มากขึ้น” 

นอกจากนี้ สคต. ณ ฮ่องกง แนะผู้ประกอบการไทยว่า ควรเข้าใจความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานจีน-ฮ่องกง จากโมเดล “นำเข้า-ถลุง-ส่งออก” และต้องเข้าใจภาษี ขั้นตอนศุลกากร และกฎการขนส่งข้ามพรมแดน ดังนั้น การทำงานกับพันธมิตรท้องถิ่นในเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area: GBA) จะช่วยลดความเสี่ยงได้ 

“ผู้ประกอบการไทยอาจตั้งฐานผลิตโรงงานถลุง หรือจดทะเบียนบริษัทในฮ่องกง หรือจัดหาพันธมิตรในฮ่องกง เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบคลังสินค้า LME เชื่อมต่อกับตลาดจีน ขณะเดียวกัน ต้องเข้าใจระบบชำระราคาและส่งมอบทองคำใหม่ และสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งออกโลหะไปจีนหรือส่งออกทองคำไปตลาดโลก อาจใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และใช้คลังสินค้าระดับสากลเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ” สคต. ณ เมืองฮ่องกงชี้ช่องเข้าร่วมใช้ประโยชน์จากเป้าหมายของฮ่องกง

แชร์
ส่องแผนฮ่องกงชวนจีนปั้นศูนย์กลางซื้อขายทอง เพิ่มอำนาจกำหนดราคาทองโลก