หุ้นไทยหยุดยาวและกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้(29 ก.ค.68) หลังไทย-กัมพูชา ตกลงหยุดยิงโดยมีมาเลเซียเป็นตัวกลาง อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความขัดแย้งยังคงเปราะบางและต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีรายงานข่าวทางฝั่งทหารกัมพูชายังไม่หยุดยิง ทำให้ผู้บัญชาการ 2 ชาติยังนัดเจรจากันไม่ลงตัว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดกลับบวก 8.17 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,225.32 จุด จากนั้นราว 15 นาทีของการซื้อขายหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงไปอยู่ในแดนลบ และประคองตัวแถว 1,215 จุด โดยประมาณ
บทวิเคราะห์จาก บล.ไอร่า ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยมองความตึงเครียดระหว่างไทยกัมพูชาเบาลงตามข้อตกลงหยุดยิงซึ่งอาจจะกระตุ้นความหวังในการได้รับอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯในระดับต่ำกว่า 20% แต่ตลาดรับรู้ประเด็นนี้ไปบ้างแล้วทำให้ Upside เริ่มจำกัดลง
นอกจากนี้ตลาดมีโอกาสได้รับแรงกดดันจากแรงขายปรับน้ำหนัก DELTA หลังรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2ปี 2025 ออกมากำไรปกติลดลงราว 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดมีความกังวลต่อผลของนโยบายภาษีของสหรัฐฯมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปี 2025 กดดันทิศทางราคาหุ้นและถ่วงตลาดหุ้นไทยได้
สำหรับปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้มีการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ FED วันที่ 29 ถึง 30 กรกฎาคม คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปที่ระดับ 4.25 ถึง 4.50% แต่อาจมีการส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงเดือนกันยายนนี้ มองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง มองกรอบการเคลื่อนไหวแนวรับ 1190/ 1202 แนวต้าน 1218/ 1228 จุด
ด้านบทวิเคราะห์จาก ฟินันเซีย คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways up ในกรอบ 1,210 ถึง 1,200 จุด โดยได้อานิสงส์จากการหยุดยิงระหว่างไทยกัมพูชา และสหรัฐฯยุโรปที่บรรลุข้อตกลงทางการค้าแล้ว ส่วนปัจจัยถ่วงมาจากเดลต้าที่ประกาศกำไรออกมาต่ำกว่าคาด
สำหรับประเด็นการประทะระหว่างไทยกัมพูชาที่คลี่คลายขึ้น ประเมินว่า จะหนุนหุ้นที่มีธุรกิจในกัมพูชาให้ฟื้นตัวได้ รวมถึงทำให้โอกาสที่ไทยจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคมมีมากขึ้น โดยหวังว่าภาษีจะลดลงจาก 36% เหลือราว 20% ใกล้เคียงกับคู่แข่ง
นอกจากนี้ล่าสุดแกว่งตัวสร้างฐานระยะสั้นบริเวณ 1200+- ชะลอความร้อนแรงหลังจากปรับตัวขึ้นเด่น ซึ่งทรัมป์ ระบุว่าจะเรียกเก็บภาษีพื้นฐานในอัตรา 15- 20% จากประเทศที่ยังไม่ได้ข้อตกลง ซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นจาก 10% ที่เคยเก็บตั้งแต่เดือนเมษายนแต่ถือว่ายังเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่เคยประกาศไว้ ทำให้ผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจอาจน้อยกว่าที่ตลาดกังวล
ส่วนปัจจัยที่คาดว่าจะมีน้ำหนักมากขึ้นคือการทยอยประกาศกำไรไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียนซึ่งภาพรวมคาดว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อย ทั้งไตรมาสต่อไตรมาสและปีต่อปีและต้องติดตามว่าจะเห็นการปรับประมาณการ EPS ของ SET ลงเพื่อสะท้อนแนวโน้มการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ที่ไม่แน่นอนและอาจชะลอตัวมากน้อยเพียงใดรวมถึงตลาดรอผลการประชุมของ FED ด้วย
สำหรับหุ้น DELTA กำไรสุทธิไตรมาสที่ 2 ปี 2025 อยู่ที่ 4.63 พันล้านบาท ลดลง 16% เมื่อเทียบรายไตรมาส และลดลง 30% เมื่อเทียบปีต่อปี ต่ำกว่าตลาดคาดที่จะบวกได้ 13% หากไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติที่ 4.93 พันล้านบาท