กสิกรไทย กำไรลด 0.98% ครึ่งปีแรก 26,280 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยลดลง
ช่วงเวลาของการประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแบงก์ใหญ่อย่างธนาคารกสิกรไทย มีกำไรลดลงในครึ่งแรกของปี 2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) รายงานผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 26,280 ล้านบาท ลดลง 0.98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้รายได้จากดอกเบี้ยจะลดลงตามภาวะตลาด แต่ยังคงรักษาความมั่นคงทางการเงินด้วยการบริหารต้นทุน และตั้งสำรองอย่างระมัดระวังท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัว
สรุปผลประกอบการครึ่งปีแรก ปี 2568 (เทียบกับครึ่งปีแรก ปี 2567)
- กำไรสุทธิ: 26,280 ล้านบาท ลดลง 0.98% หรือ 260 ล้านบาท
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ: 70,080 ล้านบาท ลดลง 6.95% หรือ5,234 ล้านบาท
- รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย: 27,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.55% หรือ 2,409 ล้านบาท
- กำไรก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตและภาษี: 56,847 ล้านบาท ลดลง 4.16% หรือ 2,470 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 40,855 ล้านบาท ลดลง 0.86% หรือ 355 ล้านบาท
- อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ (NIM): อยู่ที่ 3.36%
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to income ratio): อยู่ที่ 41.82%
- ตั้งสำรอง ECL (Expected credit loss ): 19,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากความระมัดระวังกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน
ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 (เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า)
- กำไรสุทธิ: 12,488 ล้านบาท ลดลง 9.45% หรือ 1,303 ล้านบาท
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ: ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยช่วยเหลือลูกค้า
- รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย: 13,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.95% หรือ 266 ล้านบาท (หลักจากธุรกิจประกันและการลงทุน)
- ค่าใช้จ่าย: 20,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.75% หรือ 751 ล้านนบาท จาก IT และการตลาด
- ตั้งสำรองฯ ไตรมาสนี้: 10,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.36% หรือ 232 ล้านบาท
ฐานะการเงินยังแข็งแรง
- สินทรัพย์รวม ณ 30 มิ.ย. 2568: 4.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.78% หรือ 33,854 ล้านบาท
- เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL): อยู่ที่ 3.18%
- Coverage Ratio: 162.77%
- เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ตามเกณฑ์ Basell III : 20.66% ยังถือว่าแข็งแกร่ง
มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีโอกาสไม่เติบโต
นางขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของธนาคารกสิกรไทย ได้สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ว่ายังคงเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัยพร้อมกัน โดยเฉพาะในด้านการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับการหดตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งสะท้อนถึงความระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนภายใต้ภาวะที่ไม่แน่นอน นอกจากนี้ รายได้จากภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเคยเป็นกลุ่มหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่องเที่ยวของไทย แต่ยังคงเดินทางเข้ามาน้อยกว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญ
อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจคือ การใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลงจากฐานที่สูงในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 เพิ่งมีผลบังคับใช้ในช่วงนั้น ทำให้ภาครัฐมีข้อจำกัดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้มากขึ้น
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังของปี 2568 ยังเจ็มไปด้วยความเสี่ยงทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจจะต่ำกว่าในครึ่่งปีแรก หรือเส่ยงไม่เติบโต เพราะภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่อาจเก็บจากสินค้าไทยในอัตราสูงกว่าคู่แข่งรายสำคัญในภูมิภาค ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และบั่นทอนความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนไปพร้อมกัน
ขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐยังอยู่ในระดับที่จำกัด ทำให้ไม่สามารถทดแทนแรงส่งที่หายไปจากภาคเอกชนหรือการส่งออกได้อย่างเพียงพอ ปัจจัยทั้งหมดนี้รวมกัน ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ถูกประเมินว่ามีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าช่วงครึ่งปีแรกอย่างชัดเจน และยังมีความเสี่ยงที่จะไม่เติบโตเลยในบางกรณี
ราคาหุ้น KBANK ล่าสุด
ราคาหุ้นกสิกรไทยในวันนี้ (21 ก.ค.68) เคลื่อนไหวอยู่ที่ 160 บาท ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก โดยมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
