สัญญาสัมปทานจำหน่ายสินค้าปลอดอากร หรือ ดิวตี้ ฟรี ในสนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ และ หาดใหญ่ กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT
โดยตอนนี้ คิง เพาเวอร์ มีร้านค้าดิวตี้ ฟรี อยู่ในสนามบินทั้งหมด 6 แห่ง ซึ่งก็จะมี
- คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง
- คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานภูเก็ต
- คิง เพาเวอร์ ท่าอาศยานหาดใหญ่
- คิง เพาเวอร์ ท่าอาศยานเชียงใหม่
- คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา
สาเหตุของการยกเลิกสัญญาบริหารพื้นที่บางส่วนครั้งนี้ มาจากปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ที่ลากยาวมาตั้งแต่ช่วงวิกฤติโรคระบาด ที่ตามมาด้วย ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาสงครามการค้า และ นักท่องเที่ยวจีน ที่หายไป
จนทำให้บริษัทต้องเลื่อนการชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำกับ AOT มาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วจนถึงตอนนี้
แล้วสัญญาผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ คืออะไร ?
มันก็คือส่วนแบ่งเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำที่ คิง เพาเวอร์ ต้องจ่ายให้กับ AOT เป็นสัดส่วนตามยอดขาย
โดยตอนนี้ คิง เพาเวอร์ ต้องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำให้กับ AOT เป็นสัดส่วนราว ๆ 30% ของยอดขายทั้งหมด
หรือแปลง่าย ๆ ก็คือ จากรายได้ทุก ๆ 100 บาท คิง เพาเวอร์ จะต้องนำไปจ่ายให้กับ AOT เป็นจำนวน 30 บาท
ต่อไปเราลองมาดูผลประกอบการ 3 ปีล่าสุดของ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด กัน
- ปี 2564 รายได้ 1,600 ล้านบาท ขาดทุน 2,800 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 17,800 ล้านบาท กำไร 3,800 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 33,600 ล้านบาท ขาดทุน 650 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า ในปีที่เกิดวิกฤติโรคระบาด บริษัทขาดทุนก็จริง แต่มีรายได้ลดลงตามไปด้วย ทำให้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ต้องจ่ายลดลงตามไปด้วย
ส่วนในปีถัด ๆ มา หลังคนกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง รายได้ของบริษัทก็กลับมาแบบก้าวกระโดด ทำให้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แต่ที่โชคดีไม่ดีก็คือ ในปีล่าสุดเองบริษัทกลับมาขาดทุนอีกครั้ง ทั้งที่ยอดขายกลับเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทต้องเจอกับเงินไหลออก 2 เด้ง ทั้งเรื่องธุรกิจขาดทุน และ ค่าใช้จ่ายส่วนแบ่งผลประโยชน์ขั้นต่ำ
ซึ่งพอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ทาง คิง เพาเวอร์ ก็เลยต้องขอยกเลิกสัญญาบางส่วนกับ AOT เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นนั่นเอง
ส่วนถ้าถามว่าเรื่องนี้มีผลกระทบกับ AOT มากแค่ไหน ? ก็ต้องมาดูที่โครงสร้างรายได้ของ AOT
- รายได้เกี่ยวกับการบิน สัดส่วน 52%
- รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน อย่างเช่น ส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทน สัดส่วน 48%
จะเห็นได้ว่า เกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ AOT มาจากธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน ซึ่งรายได้ส่วนนี้มี คิง เพาเวอร์ ที่เป็นเจ้าของสัมปทานบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยาน 6 แห่ง และ เจ้าของสัมปทานจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี เป็นคนบริหาร
นั่นก็เลยทำให้ นักลงทุนเทขายหุ้น AOT จนราคาหุ้น -50% ในเวลา 1 ปี และร่วง -9.4% อีกครั้งในวันนี้ จากความไม่แน่นอนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวการบิน ที่เป็นรายได้หลักของบริษัทนั่นเอง
ที่มา: kingpower.com, set.or.th, thaipublica.org, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า