ข่าวเศรษฐกิจ

จีนประกาศ GDP ปี65 โตเหลือ 3%พลาดเป้าทางการ 5.5% ผลพวงนโยบายZero Covid

17 ม.ค. 66
จีนประกาศ GDP ปี65 โตเหลือ 3%พลาดเป้าทางการ 5.5% ผลพวงนโยบายZero Covid

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานจัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2565 ของจีนขยายตัว 3% ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าปี 2565 จีนอาจจะขยายตัว 2.8% แต่ก็ยังพลาดเป้าหมายที่ทางการจีนตั้งไว้เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว 5.5 และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวถึง 8.4%

ส่วนในไตรมาส 4 ปี 2565 ตัวเลข GDP ของจีนขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.8% แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญคือ ในปี 2565 ที่ผ่านมา ทางการจีนยังใช้มาตรการคุมเข้มโควิด 19เคยสั่งล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้เป็นเวลานานถึง 2 เดือน ภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์กระทบต่อการเดินทางและกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศ จนทำให้ทางการจีน ตัดสินใจยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างฉับพลันและมีผลเมื่อวันที่ 8 มกราค 2566 ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศพุ่งขึ้นอย่างมาก

สำหรับดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจของจีนในปี2565ที่ผ่านมา มีดังนี้

  • ยอดค้าปลีกลดลง 0.2%  แต่ยอดค้าปลีกในเดือนธันวาคมลดลง 1.8% จากปี 2564 ซึ่งส่งผลไปยังการขยายตัวของสินค้าหลายชนิด ตั้งแต่การจัดเลี้ยง เครื่องสำอาง จิวเวอรี่ ยา เป็นต้น 
  • การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3.6% ในปี 2565 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนธันวาคม ซึ่งสูงกว่า 0.2% ที่คาดการณ์ไว้โดยการสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์
  • การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเมื่อเทียบรายปีในเดือนธันวาคมขยายตัวเร็วกว่าในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่การลงทุนในภาคการผลิตชะลอการเติบโต การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ลดลง 10% ในปี 2565 ซึ่งลดลงอย่างมาก
  • อัตราการว่างงานในเมืองต่างๆ อยู่ที่ 5.5.% ณ เดือนธันวาคม 2565  ในขณะที่คนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปี ยังคงสูงกว่า 16.7%

ทั้งนี้จับตาเดือนมี.ค.นี้ ในการประชุมประจำปีของรัฐสภาจีน ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้รับฉันทมติให้บริหารประเทศเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งจีนเตรียจะประกาศเป้าหมายการเติบโตของตัวเลข GDP ในปี 2566 นี้ ซึ่งทั่วโลกให้ความสำคัญหลังจีนเปิดประเทศ สร้างความคาดหวังว่า จะทำให้ GDP ปีนี้ของจีนดีขึ้น และทำให้เศรษฐกิจโลกได้อานิงสงค์จากการประเปิดประเทศของจีนเช่นกัน

ที่มา CNBC 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT