ข่าวเศรษฐกิจ

คนรวย1% รวยขึ้น 2 เท่าของคน 99% Oxfam เผยโควิดทำเหลื่อมล้ำมากขึ้น

16 ม.ค. 66
คนรวย1% รวยขึ้น 2 เท่าของคน 99% Oxfam เผยโควิดทำเหลื่อมล้ำมากขึ้น

Oxfam International องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ทำงานขับเคลื่อนเพื่อบรรเทาความยากจนทั่วโลก เปิดเผยรายงานใหม่ชี้ว่าระหว่างปี 2020-2021 คนรวยที่สุด 1% ของโลกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นรวมกันมากกว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 854 ล้านล้านบาท ซึ่งมากเป็นเกือบ 2 เท่าของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นของคนอีก 99% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ข้อมูลชุดนี้มาจากรายงาน “Survival of the Richest” หรือ “การอยู่รอดของกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุด” ของ Oxfam ที่เน้นตีแผ่ความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นสูง 1% และชนชั้นกลางและชนชั้นล่างอีก 99% ที่ถ่างกว้างขึ้นในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด และหลังการระบาดของโควิด ที่ตีพิมพ์ออกมาในวันเดียวกันกับที่จะมีการประชุมของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประชุมของกลุ่มคน 1% ของโลกที่ Oxfam โจมตี

 

คนรวย 1% รวยขึ้น 8.9 หมื่นล้านบาท/วัน

ส่วนคน 1.7 พันล้านคนรายได้ไม่พอสู้เงินเฟ้อ

istock-1440970231

จากข้อมูลในรายงาน ในระหว่างปี 2020-2021 ที่โลกกำลังต่อสู้ และเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด มหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากที่สุดของโลก 1% มีทรัพย์สินรวมขึ้นถึง 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (854 ล้านล้านบาท) หรือเฉลี่ยราว 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน (ราว 8.9 หมื่นล้านบาท) ซึ่งมากเป็นเกือบ 2 เท่าของคนอีก 99% ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นรวมกันเพียง 16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 

โดยในรายงานระบุว่าปัจจัยที่ทำให้มหาเศรษฐีเหล่านี้ร่ำรวยขึ้นอย่างมากในระหว่างปี 2020-2021 คือ

  1. การที่รัฐบาลทั่วโลกอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ทำให้หุ้นของบริษัทใหญ่ต่างๆ รวมไปถึงสินทรัพย์อื่นๆ มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งเงินปันผล หรือผลตอบแทนส่วนมากก็ตกอยู่กับนักลงทุนรายใหญ่ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว
  2. ภาวะเงินเฟ้อและวิกฤติพลังงานที่ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงขึ้น ทำให้บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและพลังงานมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าทั่วโลกในปี 2022 ซึ่งเงินปันผล หรือผลตอบแทนส่วนมากจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ก็ตกอยู่กับนักลงทุนรายใหญ่ที่ร่ำรวยอยู่แล้วเช่นกัน
  3. การล่มสลายขององค์กรปกป้องสิทธิแรงงาน รวมไปถึงสหภาพแรงงานต่างๆ ทำให้ลูกจ้างมีอำนาจต่อรองลดลง รายได้ไม่เพิ่มขึ้นถึงแม้ราคาสินค้าจะเพิ่ม โดยจากรายงานของ Oxfam ในขณะนี้มีคนงานกว่า 1.7 พันล้านคนทั่วโลก ซึ่งมากกว่าประชากรของอินเดียทั้งประเทศ มีรายได้ไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพราะในขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น รายได้พวกเขากลับไม่ขึ้นตาม 

นอกจากนี้ Oxfam ยังเผยอีกว่าในระยะเวลา 2 ปีที่โลกอยู่กับโควิด อัตราผู้ที่ต้องอาศัยอยู่กับความยากจนยังเพิ่มขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นในรอบ 25 ปี หลังจากที่โลกสามารถลดจำนวนผู้ที่อาศัยอยู่ในความยากจนมาได้อย่างต่อเนื่องจากการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ

istock-637482404

 

ความเหลื่อมล้ำทางรายได้สะท้อนความล้มเหลวของระบบเก็บภาษี

อย่างไรก็ตาม นอกจากสภาวะทางเศรษฐกิจแล้ว Oxfam ยังชี้อีกว่า อีกสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างมหาศาลในโลกนี้ก็คือ "ระบบการเก็บภาษี" ที่เอื้อคนรวยมากกว่าคนจน 

โดยจากข้อมูลของ Oxfam มีเพียง 1 ใน 3 ของประเทศในโลกนี้เท่านั้นที่มีภาษีมรดก และครึ่งหนึ่งของมหาเศรษฐีทั่วโลกที่ทรัพย์สินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่มีภาษีมรดก เช่น แคนาดา สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ทำให้เศรษฐีหลายคนสามารถถ่ายทอดเงินมูลค่ารวมกันถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังลูกหลานในตระกูลคนรวยได้หลายชั่วอายุคนแบบไม่ต้องเสียภาษีเลยแม้แต่แดงเดียว

นอกจากนี้ อัตราการเก็บภาษีเงินได้ยังมีแนวโน้มลดลง และมีการเก็บเป็นขั้นบันได (progressive) ลดลง โดยอัตราการเก็บภาษีประชากรที่มีรายได้สูงที่สุดของแต่ละประเทศโดยเฉลี่ยลดลงจาก 58% ในปี 1980 มาเป็น 42% ในปี 2022 และประเทศส่วนมากยังมีการเก็บภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ (capital gains tax) ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ของคนรวย 1% น้อยกว่าภาษีเงินได้ โดยมีเพียง 3 ประเทศในโลกที่มีการเก็บภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์มากกว่าภาษีเงินได้ ทำให้รัฐบาลไม่สามารถเก็บภาษีจากเหล่าคนรวยที่ทำรายได้จากการลงทุนได้มากเท่าที่ควร

istock-1365758819

ด้วยเหตุนี้ เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ Oxfam จึงเสนอให้มีการ “Tax The Rich” หรือ การเก็บภาษีคนรวยในอัตราที่มากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้การเกิดการกระจายรายได้ โดยเสนอให้รัฐบาลทั่วโลก

  1. เก็บภาษีทรัพย์สินของคนรวยครั้งใหญ่ 1 ครั้ง ภาษีโชคลาภ โดยเฉพาะกับบริษัทน้ำมันและพลังงานที่รายได้ส่วนมากได้มาจากสถานการณ์ภายนอกที่ทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น ไม่ใช่การทำธุรกิจของตัวเอง รวมไปถึงภาษีจากเงินปันผลจากหุ้น
  2. เพิ่มอัตราการเก็บภาษีของคนรวย 1% อย่างถาวร โดยเก็บให้ได้ 60% ของทั้งเงินได้ และเงินกำไรที่ได้มาจากการซื้อขายหุ้นหรือหลักทรัพย์
  3. ใช้เงินภาษีที่ได้มาจากคนรวยมาใช้จ่ายในโครงการที่ลดความเหลื่อมล้ำ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนมาก เช่น ระบบสาธารณสุข การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมไปถึงโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยในผู้ยากจนในประเทศต่างๆ ไม่ต้องรับผลกระทบหนักจากภาวะสภาพอากาศแปรปรวน 

โดยจากข้อมูลของ Oxfam ถ้าหากรัฐบาลทั่วโลกเก็บภาษีเพียง 5% กับ เศรษฐีทั่วโลกที่มีเงินหลายล้านไปจนถึงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลจะระดมเงินภาษีได้ถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งสามารถช่วยให้คนถึง 2 พันล้านคนทั่วโลกพ้นจากความยากจนได้


ที่มา: Oxfam International, CNN

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT