สรุปแล้ว! ครม.ยอมถอน 'ร่างกฎกระทรวงต่างชาติซื้อที่ดิน'

ที่ประชุม ครม. อนุมัติ "ถอนร่างกฎกระทรวงต่างชาติซื้อที่ดิน" ยอมรับเป็นประเด็นอ่อนไหว รอรับฟังความเห็นเพิ่มเติม

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย ขอถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ? เพื่อให้กลับไปรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานต่างๆ และประชาชน และนำผลที่ได้กลับมาวิเคราะห์อย่างรอบด้านในการออกกฎกระทรวงต่อไป

"วันนี้ ครม.อนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อให้ไปพิจารณาเพิ่มเติม โดยเฉพาะการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชน เพื่อนำผลมาวิเคราะห์อย่างรอบด้าน และถี่ถ้วนในการออกกฎกระทรวง" โฆษกรัฐบาลกล่าว

ทั้งนี้ จะมีผลให้ในปัจจุบันยังคงบังคับใช้กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับปี 2545 ต่อไปก่อน

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุม ครม.ได้หารือกันถึงร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวฯ โดยเห็นว่าควรพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วนำทุกปัญหาที่ไม่เข้าใจมาคุยกันว่าต้องมีการปรับปรุงแก้ไขในส่วนใด ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้ ยังไม่มีการประกาศใช้กฎกระทรวงดังกล่าว เพราะการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพียงการอนุมัติหลักการเท่านั้น

"เป็นการยกเลิกวาระไว้ก่อน เพื่อเอาทุกปัญหาความไม่เข้าใจมาคุยกัน" พล.อ.ประยุทธ์

ด้าน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ก่อนการประชุม ครม.ว่า กระทรวงมหาดไทยได้ทำเรื่องเสนอ ครม. เพื่อพิจารณานำเรื่องกลับไป พิจารณาศึกษาทบทวนใหม่ เพราะว่าเรื่องนี้อย่างที่ทราบเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องไปศึกษาใหม่ และต้องไปดูถึงผลดีผลเสีย ที่มีผลต่อด้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้ ครม. พิจารณา

ร่างกม. ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น "กฎหมายขายชาติ"

ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างไปทั่วประเทศ นับตั้งแต่ ครม.มีการอนุมัติหลักการไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2565 โดยกระแสวิจารณ์เชิงลบนั้นมีการระบุว่าการให้สิทธิต่างชาติซื้อที่ดินไม่ต่างอะไรกับการ "ขายชาติ" ในขณะที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็มีทั้งมุมมองเชิงบวกและลบ โดยส่วนที่มองเชิงลบเห็นว่าเม็ดเงินที่จะเข้ามาจะลงไปยังตลาดทุนมากกว่ากระจายสู่ภาคธุรกิจและรากหญ้า อีกทั้งไม่แก้ปัญหาการซื้ออสังหาฯ ผ่านนอมินีที่เกิดขึ้นมานานแล้ว

สำหรับร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว จะเป็นการเปิดทางให้ต่างชาติซื้อที่ดินในไทยได้ไม่เกิน 1 ไร่ โดยมีเงื่อนไขเงินลงทุนขั้นต่ำ 40 ล้านบาท ซึ่งข้อมูจากบีบีซีไทย ระบุว่า ร่างฉบับใหม่แตกต่างจาก "กฎกระทรวงต่างด้าวซื้อที่ดิน 2545" โดยมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงทุนจากกฎกระทรวงเดิมปี 2545 ที่กำหนดว่าต้องดำรงการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี เป็นไม่ต่ำกว่า 3 ปี ขณะที่จำนวนเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาทคงเดิม

ส่วนการนำเงินมาลงทุนในธุรกิจหรือกิจการประเภทหนึ่งประเภทใด กฎกระทรวงปี 2545 กำหนดไว้ 4 ประเภท แต่ร่างกฎกระทรวงที่ ครม. เห็นชอบ มีการเพิ่มเติมและปรับปรุงรวม 5 ประเภท ส่วนที่เพิ่มเติมมา คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ ยังกำหนดรายละเอียดของ "คนต่างชาติ" ด้วยว่า ต้องเป็นกลุ่มคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ซึ่งต่างจากกฎกระทรวงเดิมปี 2545 ที่ไม่ได้มีการกำหนดกลุ่มต่างชาติ กำหนดเพียง “คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้”

นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบ และก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า เป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงเดิมในเรื่องของกองทุนบางประเภทที่ไม่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน และปรับเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาการลงทุน

"พอไปแตะต้องเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน ก็จะมีปัญหาว่าเป็นการขายชาติหรือเปล่า แต่หลายเรื่องที่ได้มีการประกาศออกมาก่อนหน้านี้เช่น การลงทุนบีโอไอ (คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) ก็เป็นหลักการเดิมที่มีมาก่อนของรัฐบาล แต่เนื้อหามีการปรับปรุง จาก 5 ปี ก็ให้มีการดำรงการลงทุน 3 ปี ส่วนที่บอกว่ามีการลงทุนในกองทรัสต์ บางกองได้ปิดไปแล้ว และมีการแก้ไขบางกองที่เป็นปัจจุบันอยู่ขณะนี้" นายอิสระ กล่าว