ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน กำลังทำให้ประเทศเกาหลีใต้เกิด ‘วิกฤตกิมจิ’ เนื่องจากวัตถุดิบของอาหารประจำชาติอย่าง ผักกกาดขาวและกะหล่ำปลี มีผลผลิตต่ำลงอย่างมากเนื่องจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ซ้ำเดิมด้วยความเสียหายของผลผลิตอันเนื่องมาจากฝนที่ตกหนักขึ้น ดันให้ราคาของวัตถุดิบทั้งสองชนิด ถีบตัวสูงขึ้นสองเท่า ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน
ด้านข้อมูลจาก Korea Rating & Data เผยว่า ผู้ผลิตกิมจิรายย่อยกว่า 1,000 ราย ทยอยเลิกกิจการในปีที่ผ่านมา หรือไม่ก็เปลี่ยนไปผลิตสินค้าชนิดอื่นแทนแล้ว แต่ดีมานด์การบริโภคกิมจิก็ใช่ว่าจะลดลงตาม แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ผู้บริโภคก็ยอมเสียเงินซื้อ
ข้อมูลจาก Hanaro Mart เชนซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติเกาหลีพบว่ายอดขายกิมจิเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เทียบกับปีก่อนหน้า เพราะผู้บริโภคมองว่าการซื้อวัตถุดิบสดมาหมักกิมจิเองกลับแพงกว่า ดันให้ยอดขายกิมจิสำเร็จรูปสูงขึ้น
กิมจิแพง ซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อในประเทศ
เกาหลีใต้เองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และภาคสินค้าอุปโภคเองก็พุ่งสูงขึ้นโดยราคาอาหารยอดนิยมหลายรายการมีราคาพุ่งสูงขึ้น
-จาจังมยอนหรือบะหมี่ถั่วดำหนึ่งชาม ราคาเฉลี่ย 6,300 วอน (167 บาท) เพิ่มขึ้น 15.3% จากปีก่อน
-ราคาไก่ทอดเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 11.4% เทียบกับปีก่อน
-ราคาเฉลี่ยคิมบับหรือข้าวห่อสาหร่าย พุ่งขึ้น 11.5% ต่อชิ้น สูงกว่า 3,000 วอน (80 บาท) เป็นครั้งแรก จากที่ 2 ปีก่อนร้านอาหารบางแห่งในกรุงโซลขายคิมบับเพียง 1,000 วอน (26.6 บาท)
ซึ่งปัญหาเงินเฟ้อ และการขาดแคลนวัตถุดิบได้ถูกส่งผ่านมายังผลิตภัณฑ์กิมจิสำเร็จรูปเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ผลิตกิมจิรายใหญ่อย่างแดซัง และเชอิลเจอดัง ประกาศขึ้นราคา 10-11% และเตรียมจะขึ้นราคาอีก หลังจากปีนี้ราคาอาหารเกาหลีใต้พุ่งพรวด สูงกว่าปีก่อน 8% สองเดือนติดต่อกัน
กิมจิจากจีนรุกตลาดต่อเนื่อง รัฐบาลเกาหลีเร่งแก้วิกฤตกิมจิขาดแคลน
แม้ประเทศเกาหลีใต้จะเป็นประเทศต้นตำหรับของกิมจิ แต่ต้องประสบปัญหาโดนกินส่วนแบ่งตลาดจากกิมจิที่นำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งมีราคาเพียง 1 ใน 3 ของกิมจิเกาหลี ซึ่งปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดไปแล้วถึง 40%
ยิ่งเผชิญกับผลกระทบจากโลกร้อน ทำให้วัตถุดิบขาดแคลนด้วยแล้ว ยิ่งซ้ำเติมอุตสาหกรรมการผลิตกิมจิในประเทศ ทำให้ผู้ผลิตกิมจิหวังว่ารัฐบาลจะช่วยปกป้องผู้ผลิตในเกาหลีไม่ให้สูญเสียตลาดไปมากกว่านี้
เพื่อรับมือกับปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลเกาหลีใต้จึงเร่งสร้างคลังเก็บผักกาดขาว 2 แห่ง ขนาดแห่งละ 9,900 ตารางเมตร มีพื้นที่รวมกันเทียบเท่าสนามฟุตบอล 3 แห่ง ซึ่งจะสามารถสต็อกผักกาดขาวสดได้วันละ 10,000 ตัน และเก็บกิมจิผักกาดดองได้วันละ 50 ตัน
การก่อสร้างคลังเก็บผักกาดขาวนี้คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2025 ใช้งบประมาณ 58,000 ล้านวอน (ราว 1,500 ล้านบาท)