ราคาน้ำมันลงแรงกว่า 6% หลังมีข่าวประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมระบายน้ำมันสำรองออกมาใช้ หวังบรรเทาน้ำมันแพง จนฉุดคะแนนนิยมดิ่ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส สหรัฐ ปรับตัวลงแรงถึง 6.50 ดอลลาร์ หรือ 6.03% ลงมาอยู่ที่ 101.32 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อช่วงสายวันนี้ (31 มี.ค. 65) ซึ่งนับเป็นราคาน้ำมันที่ปรับลงแรงที่สุดในรอบหลายวัน เนื่องจากมีรายงานว่า สรัฐอาจต้องใช้วิธีแก้ปัญหาน้ำมันแพงเฉพาะหน้า ด้วยการระบายคลังน้ำมันสำรองออกมาใช้
รายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า รัฐบาบประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐ กำลังพิจารณาแผนการระบายน้ำมัน 180 ล้านบาร์เรล ออกจากคลังน้ำมันสำรองฉุกเฉิน เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และบรรเทาภาวะพลังงานขาดแคลน หลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครน
แผนการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉินดังกล่าว มีขึ้นในขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้รับการผลักดันให้ประสานงานกับประเทศอื่น ๆ ในการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทั่วโลกด้วย
แหล่งข่าวระบุว่า แม้ในขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายเกี่ยวกับการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทั่วโลก แต่ทำเนียบขาว สหรัฐ อาจจะประกาศการระบายน้ำมันจากคลังสำรองของสหรัฐอย่างเร็วที่สุดภายในวันนี้ (31 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอส ระบุว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลดลง 3 จุด จากสัปดาห์ก่อน ลงมาแตะระดับ "ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์" ที่ 40% ในสัปดาห์นี้ โดย 54% ไม่พอใจการทำงานจากปัญหา "เงินเฟ้อพุ่งสูง" ประกอบกับกรณีรัสเซียบุกยูเครนที่ทำให้เกิดความวิตกด้านภูมิรัฐศาสตร์
ขณะที่ผลสำรวจครั้งก่อนในเดือน ม.ค. โดยแกลลัพโพลล์ ก็ออกมาในทำนองเดียวกันว่า คะแนนนิยมของไบเดนลดลงต่ำสุดเป็นรองเพียงแค่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งปัญหาสำคัญที่สุดที่ประชาชนไม่พอใจก็คือ ปัญหาเงินเฟ้อและการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ
ผลสำรวจล่าสุดนี้ยังนับเป็นสัญญาณเตือนสำหรับพรรคเดโมแครตที่พยายามจะรักษาเสียงส่วนใหญ่ในสภาคองเกรสไว้ให้ได้ ก่อนการเลือกตั้ง ส.ส. - ส.ว. ในวันที่ 8 พ.ย.นี้