ข่าวเศรษฐกิจ

เสี่ยงเข้าขั้นวิกฤต รัฐบาลยอมกู้เพิ่ม 30,000 ล้านบาท หลังน้ำมันยังแพงไม่หยุด

10 ก.พ. 65
เสี่ยงเข้าขั้นวิกฤต รัฐบาลยอมกู้เพิ่ม 30,000 ล้านบาท หลังน้ำมันยังแพงไม่หยุด

รองนายกฯ ยอมรับสถานการ์ราคาน้ำแพงเสี่ยงเข้าใกล้วิกฤตแล้ว หลังมีหลายปัจจัยดันราคาน้ำมันโลก เปิดทางแก้ไขรัฐบาลยอมกู้เงินเพิ่ม 30,000 ล้าน นายกฯ สั่งพิจารณาในระยะสั้นเพื่อลดการนำเข้าแอลเอ็นจีราคาแพง ขยายต่ออายุโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 ปี
หลังน้ำมันยังแพงไม่หยุด

 


นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงตอบคำถาม "เรื่อง วิกฤตน้ำมันราคาแพง และแนวทางแก้ไข" ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (10 ก.พ. 2565) ว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่ล่อแหลมเข้าใกล้เกือบจะเป็นวิกฤตอยู่แล้ว

 


“ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะอุปสงค์การต้องการน้ำมันเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และมีความตึงเครียดในการเมืองระหว่างประเทศ และมีอากาศหนาวเย็นเข้ามา และการผลิตของโอเปกพลัส ไม่ยอมขึ้น ขึ้นแค่ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ควรจะผลิตในอัตราที่เท่ากับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และวันนี้ประเทศมหาอำนาจทั้งหลายก็พูดคุยกัน โดยประธานาธิบดีสหรัฐได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้นำของโอเปกให้ทบทวนกำลังการผลิตให้สูงขึ้น ซึ่งตรงนี้จะลดการตึงตัวระดับหนึ่ง” นายสุพัฒนพงษ์  กล่าว 

 


ทั้งนี้ ข้อมูล ตั้งแต่ธันวาคม 2564 จนถึงวันนี้ น้ำมันดิบขึ้นมา 4 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลขึ้นมาเกือบ 6 บาทต่อลิตร เบนซินขึ้นมา 5 บาท เป็นเหตุที่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม ที่ได้ทำไปแล้วคือตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งตอนนี้กองทุนฯช่วยลิตรละ 3.79 บาท เงินไหลออก 7 พันล้านบาทต่อเดือน

 

 

อีกทั้งก่อนหน้านี้ตรึงราคาก๊าซแอลจีไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ช่วงโควิดระบาด เพื่อที่จะให้ช่วงวิกฤตจากการแพร่ระบาดผ่านพ้นไปได้ โดยที่ประชาชน พ่อค้า แม่ค้าใช้ก๊าซหุงต้มในราคาไม่สูงและเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจต่อไปได้ ซึ่งใช้เงินจำนวน 2 หมื่นกว่าล้านบาท เมื่อเราใช้เงินกองทุนฯขนาดนี้ จนถึงวันนี้ กองทุนน้ำมันติดลบไปแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท และยังเตรียมที่จะกู้เงินอีก 2-3 หมื่นล้านบาท อยู่ในกระบวนการกู้เงิน และเชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา

 


สำหรับข้อเสนอแนะต่อการลดส่วนผสมของน้ำมันชีวภาพนั้น รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการใหม่ ๆ เพื่อดูแลประชาชน โดยทำเป็นขั้นตอน จากที่ผ่านมาเป็นบี 10 ตอนนี้ลดเหลือบี7 วันนี้เหลือบี5 ถ้าลดลงพรวดพราด จะกระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน เมื่อลดลงมาถึงบี5 ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ที่ 11 บาท ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่กระทบเกษตรกรมากจนเกินไป แต่ลดภาระให้กับผู้ใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วได้ระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยังรักษารายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน นอกจากนั้นยังมีการลดสัดส่วนกองทุนอนุรักษ์พลังงานเคยเก็บ 25 สตางค์ต่อลิตร วันนี้ลดลงมาเกือบจะไม่เหลือแล้ว

 

อย่างไรก็ดี กรณีที่มีผู้ระบุว่าประเทศไทยราคาน้ำมันดีเซล มีราคาสูงถึงลิตรละ 30 บาท ถือว่าแพงที่สุด จากการค้นข้อมูลพบว่าหลายรัฐบาลมีราคาสูงเช่นเดียวกัน และเมื่อเทียบกับ 8 ประเทศในกลุ่มอาเซียน ยกเว้นบูรไน และมาเลเซีย ที่มีแหล่งพลังงานของตนเองและสามารถส่งออกได้ไม่จำกัด พบว่าประเทศไทยราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการอยู่ ในอันดับที่ 6-7 ของ 8 ประเทศซึ่งเราไม่แพง

 


ส่วนประเทศที่แพงที่สุดคือสิงคโปร์ หมายความว่าในยามที่เกิดเหตุการณ์กึ่งวิกฤตแบบนี้ ระดับราคาที่เราตั้งและเราตรึงก็ยังทำให้รักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง ในขณะเดียวกันยังรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่มีลักษณะของการพึ่งพาพลังงาน ยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลได้คำนึงและทำอย่างดีที่สุด ที่จะรักษาเสถียรภาพให้ทุกอย่างเดินไปได้ และรักษาความมั่นคงของประเทศ

 

ขณะที่ในส่วนของมาตรการดูแลค่าไฟฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) สั่งการให้พิจารณาในระยะสั้นเพื่อลดการนำเข้าแอลเอ็นจี ที่มีราคาแพง โดยใช้วิธีผลิตอื่น เช่น ขยายต่ออายุโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 ปี แม้กระทบสิ่งแวดล้อม

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT