ข่าวเศรษฐกิจ

สรุป แพคเกจ จาก ครม. เพิ่มกำลังซื้อประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจปี 65

24 ม.ค. 65
สรุป แพคเกจ จาก ครม. เพิ่มกำลังซื้อประชาชน  กระตุ้นเศรษฐกิจปี 65
ไฮไลท์ Highlight
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการทั้ง 3 โครงการ จะช่วยรักษากำลังซื้อ ในระบบเศรษฐกิจ จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี 2565 จำนวน 79,023 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ GDP ทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.21 ต่อปี จากกรณีฐาน อีกทั้งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่พี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งรักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องในช่วงสถานการณ์ COVID-19

ที่ประชุม ครม.วันที่ 21 ม.ค.65 อนุมัติมาตรการ เพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน ทั้งให้เงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ , คนละครึ่งเฟส 4 กระทรวงการคลังคาด ส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจปี 65 ได้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.21 ต่อปี นอกจากนี้ ยังอนุมัติมาตรการ เราเที่ยวด้วยกันต่อถึง ก.ค.65 และปรับเงื่อนไข ทัวร์เที่ยวไทย อีกด้วย  

 

สรุปแพคเกจเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน มี 3โครงการ

(1) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4

(2) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2

(3) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4

 

ประชาชนแต่ละคนจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้เพียง 1 โครงการ ดังมีรายละเอียด ดังนี้

1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4

ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้า จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น  และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4

****จำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์  - 30 เมษายน 2565

(กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป) รวมทั้งสิ้น 600 บาทต่อคน

***ตลอดระยะเวลาโครงการ เป็นวงเงินรวม 8,071 ล้านบาท ให้แก่ผู้มีบัตรฯ จำนวนไม่เกิน 13.45 ล้านคน โดยจะใช้ฐานข้อมูล ณ วันที่ 25 มกราคม 2565*

.

2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2

เช่น ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ได้ ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนหรือเดินทางไปใช้จ่ายวงเงินที่ได้รับผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ได้) ผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง เป็นต้น

.

โดยช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าฯ และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4  จำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ -  30 เมษายน 2565 (กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป) รวมทั้งสิ้น 600 บาทต่อคน

*** ตลอดระยะเวลาโครงการ เป็นวงเงินรวม 1,352 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 2.25 ล้านคน

 

3.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4

สนับสนุนวงเงินค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และบริการนวดสปา ทำผม ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และสินค้าหรือบริการ ที่กระทรวงการคลังกำหนด จากภาครัฐในอัตราร้อยละ 50

***ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ**

ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - วันที่ 30 เมษายน 2565 ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิ  จำนวนไม่เกิน 29 ล้านคน

 

3.1 การลงทะเบียนและการใช้จ่าย

3.1.1 ประชาชนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 (คนเดิม) จำนวน 27.98 ล้านคน

จะต้องยืนยันสิทธิเพื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง  ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

เริ่มใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ โดยสิทธิที่เหลืออาจจะนำมาพิจารณาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งหากยังประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องลงทะเบียนเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปในข้อ 3.1.2 ทั้งนี้ หากยืนยันสิทธิและใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ครั้งแรกในระยะที่กำหนดสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2565

 

3.1.2สำหรับประชาชนทั่วไปที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 (คนใหม่)

สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 จนกว่าจะครบจำนวนประมาณ 1 ล้านสิทธิ

โดยสามารถใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2565

ช่องทางการลงทะเบียนแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้

1) กรณีเป็นประชาชนที่เคยได้รับสิทธิมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง หรือ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com

2) กรณีประชาชนที่ไม่มีแอปพลิเคชัน เป๋าตัง สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com

  • คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

ประชาชนที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 25 มกราคม 2565 หรือไม่เป็น ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2

 

     ทั้งนี้ ก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ยกเว้นผู้ที่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทยฯ หรือผู้ที่มีแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ซึ่งผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคารกรุงไทยฯ แล้ว

 

สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า

สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป เวลา 06.00 - 22.00 น. จนกว่ากระทรวงการคลังจะประกาศปิดรับสมัครผ่าน www.คนละครึ่ง.com โดยผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/ โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน ถุงเงิน แล้ว ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ถุงเงิน ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯ

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการทั้ง 3 โครงการ จะช่วยรักษากำลังซื้อ ในระบบเศรษฐกิจ จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี 2565 จำนวน 79,023 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ GDP ทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.21 ต่อปี จากกรณีฐาน อีกทั้งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่พี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งรักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องในช่วงสถานการณ์ COVID-19

 

สรุปแพคเกจ กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย

1.ครม. มีมติอนุมัติกรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท ในการดำเนินโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 4

มีระยะเวลาตั้งแต่ ก.พ. - ก.ค. 65

จำนวนสิทธิการสนับสนุนค่าโรงแรม/ที่พัก คนละไม่เกิน 10 ห้อง

รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักไม่เกิน 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน รวมทั้งหมด 2 ล้านสิทธิ

ปรับลดสิทธิค่าโดยสารเครื่องบินลงเหลือ 6 แสนสิทธิ จากเดิม 2 ล้านสิทธิ

 

2.เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ "ทัวร์เที่ยวไทย"

ปรับลดจำนวนสิทธิโครงการลงเหลือ 2 แสนสิทธิ จากเดิม 1 ล้านสิทธิ

ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไปจนถึง พ.ค.65 จากเดิมที่จะสิ้นสุดใน ก.พ. 65

ส่งผลให้กรอบวงเงินในการดำเนินโครงการลดลงเหลือ 1,000 ล้านบาท จากเดิม 5,000 ล้านบาท

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่เอื้ออำนวยให้มีการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบของหมู่คณะ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT