The MICHELIN Guide กรุงเทพมหานคร, พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และพังงา ฉบับที่ 5 ล่าสุด เพิ่งจะประกาศรางวัลออกมา 4 รางวัลด้วยกัน วันนี้ทีมงาน Spotlight รวบรวมรางวัลเด่นมากฝากกัน และที่น่าสนใจของการสำรวจมิชลินไกด์ในประเทศไทยคือ จะมีการขยายพื้นที่ออกไปจากปัจจุบัน 5 จังหวัด โดยที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณกว่า 131 ล้านบาทในการต่อสัญญา 5 ปี กับ มิชลินไกด์ เพราะมองว่ามิชลินไกด์ เป็นเครื่องมือหนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพนั่นเอง
The MICHELIN Guide กรุงเทพมหานคร, พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และพังงา ฉบับที่ 5 ล่าสุด เพิ่งจะประกาศรางวัลออกมา 4 รางวัลด้วยกัน นั่นคือ ดาวมิชลิน’ (MICHELIN Star), รางวัล “ดาวมิชลินรักษ์โลก” (MICHELIN Green Star), รางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award และรางวัล MICHELIN Guide Service Award
รางวัลดาวมิชลิน
ดาวมิชลินในปี 2022 ร้านอาหารจากประเทศไทย ยังไม่มีร้านที่คว้า 3 ดาวมิชลิน ส่วนร้าน 2 ดาว เป็นร้านเดิมจากเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ร้าน 1 ดาวมิชลินปีนี้เพิ่มใหม่มา 6 ร้านในกทม. คือ ร้านอักษร ร้านอาหารไทยที่นำเสนอเมนูอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำราอาหารไทยยุคปี พ.ศ. 2480-2515 // ร้าน Côte by Mauro Colagreco ร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย // ร้าน Gaa ร้านอาหารสไตล์นวัตกรรมซึ่งนำเสนอจานเด็ดอินเดียต้นตำรับที่ปรุงด้วยเทคนิคใหม่ // IGNIV ร้านอาหารยุโรปร่วมสมัย // Savelberg (ซาเวลเบิร์ก) เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย // Yu Ting Yuan ร้านอาหารจีนกวางตุ้ง //และรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ จำนวน 33 ร้าน ทั้งยังมีร้านติดโผร้านแนะนำในคู่มือ มิชลิน ไกด์ เป็นครั้งแรกอีกถึง 51 ร้านอีกด้วย
รางวัล MICHELIN Green Star ได้แก่ ร้าน PRU รักษาสถานะดาวมิชลินรักษ์โลกเอาไว้ได้ และเป็นร้านอาหารแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่ได้รับรางวัลนี้
รางวัล MICHELIN Guide Thailand Young Chef Award ได้แก่ การิมา อาโรรา (Garima Arora) เชฟจากร้าน Gaa
รางวัล MICHELIN Guide Thailand Service Award ประจำปี 2565 ได้แก่ ทีโบ ชารล์มาที (Thibaud Charlemarty) จากร้าน Côte by Mauro Colagreco
ดังนั้นสรุปคู่มือฉบับล่าสุดมีชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 361 แห่ง เป็นร้านที่ได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลิน จำนวน 6 ร้าน ซึ่งทุกร้านเป็นร้านที่รักษาสถานะ 2 ดาวมิชลินเอาไว้ได้ รางวัล 1 ดาวมิชลิน รวม26 ร้าน รางวัล บิบ กูร์มองด์ จำนวน 133 ร้าน และร้านแนะนำอื่น ๆ อีก 196 ร้าน
ติดตามรายละเอียดชื่อร้านได้ที่ https://guide.michelin.com/th/th/article/news-and-views/michelin-guide-thailand-2022
รู้จัก “The Michelin Guide Thailand ประจำปี 2565-2569”
ย้อนกลับไปประเทศไทยมีการจัด Michelin Guide ครั้งแรกในปี 2561 เริ่มต้นจากการสำรวจร้านอาหารในกรุงเทพมหานครจังหวัดเดียว ใช้ชื่อว่า “The MICHELIN Bangkok” ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนต่างรู้จักกับร้าน “เจ๊ไฝ” ในเวลานั้น เพราะมีการสำรวจร้านอาหารริมทาง หรือที่เรียกว่า “Street Food” และ “ร้านเจ๊ไฝ” คว้า 1 ดาวมิชลินไปครอง ในปีต่อๆมามิชลินไกด์ ก็ได้ขยายพื้นที่การสำรวจเพิ่มอีก จนปัจจุบันมีการสำรวจ 5 จังหวัดคือ กรุงเทพฯ อยุธยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และพังงา ส่วนอนาคตจะต้องขยายการสำรวเเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 จังหวัด และต้องป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างน้อย 1 จังหวัด
การที่มิชลินไกด์ เข้ามาสำรวจร้านอาหารในประเทศไทย เป็นความร่วมมือของมิชลินไกด์ และภาครัฐของไทย นำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยครม.อนุมัติงบประมาณสูงถึง 4.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 135.3 ล้านบาท สำหรับการต่อสัญญาอีก 5 ปี คือจากปี 2565-2569โดยมีเงื่อนไขการสำรวจร้านอาหารที่ต้องขยายพื้นที่มากขึ้น
เครื่องมือดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณยุทธศักดิ์ สุภสร บอกว่า
“เหตุผลที่เราต้องส่งเสริมให้มี MICHELIN Guide ในไทย เพราะมองว่าอาหารจะดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามา และการใช้จ่ายเรื่องของอาหาร จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจฐานราก เช่น การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นต่างๆ สิ่งสำคัญคือ ทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จัก ทำให้อาหารไทยมีมาตรฐาน และทำให้นักท่องเที่ยวคุณภาพเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น”
โดยททท. เองไม่ได้เข้าไปยุ่งกับระบบของการให้ดาวมิชลินของทาง MICHELIN Guide และหลังจากสำรวจต่อเนื่องมา 5 ปีแล้ว ยังไม่ปรากฏร้านอาหารในไทย คว้ามิชลิน 3 ดาว ซึ่งเป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกลเพื่อไปชิมสักครั้ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของ MICHELIN Guide ดังนั้นจากนี้มีเวลาอีก 5 ปีที่ ททท. เป็น Public Partnership กับทาง MICHELIN Guide จะได้เห็น 3 ดาวมิชลินในประเทศไทยในเร็วๆนี้
เกว็นดัล ปูลเล็นเนค ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ มิชลิน ไกด์ ทั่วโลก มองว่า ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องปรับตัวอย่างหนัก แต่ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ก็มีร้านอาหารที่น่าสนใจเกิดขึ้น รวมถึงยังรักษามาตรฐาน คุณภาพ รสชาติของร้านอาหารได้เป็นอย่างดี แนวโน้มดังกล่าวไม่เพียงทำให้อาหารโดดเด่นด้วยความสดใหม่ แต่ยังช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเกษตรและธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง
กว่าจะมาเป็น MICHELIN Guide
MICHELIN Guide เริ่มต้นครั้งแรกในช่วงปี 1889 ในประเทศฝรั่งเศสโดยสองพี่น้อง Andre และ Edouard Michelin ซึ่งก็คือผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตยางรถยนต์มิชลินที่เรารู้จักกันดี สองพี่น้องได้จัดทำคู่มือที่ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์กับนักเดินทาง ตั้งแต่แผนที่, ข้อมูลการเปลี่ยนยาง, สถานีน้ำมัน และรวมทั้งรายชื่อร้านอาหาร และที่พักด้วย เพราะทั้งคู่มองว่า MICHELIN Guide ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ให้กับนักเดินทางเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ และยางรถยนต์ได้อีกด้วยนั่นเอง
ช่วง 20 ปีแรกคู่มือ MICHELIN Guide เป็นแบบแจกฟรี แต่อยู่มาวันหนึ่ง Andre Michelin ได้แวะที่ร้านขายยางรถยนต์แห่งหนึ่ง มองไปเห็นคู่มือ MICHELIN Guide ที่เขาทำขึ้น เขาจึงคิดได้ว่า มนุษย์จะให้ความหวนแหน หรือเคารพในสิ่งที่ต้องจ่ายเงินไปเท่านั้น ก็เลยเริ่มจัดจำหน่าย MICHELIN Guide ในราคา 7 ฟรังก์ ตั้งแต่ปี 1920 เป็นต้นมา และในปี 1926 เป็นต้นมา MICHELIN Guide ก็เริ่มต้นให้ “ดาวมิชลิน” กับร้านอาหารตามลำดับ
ความหมาย “ดาวมิชลิน”
3 ดาวมิชลิน หมายถึง สุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกลเพื่อมาชิมสักครั้ง
2 ดาวมิชลิน หมายถึง ร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทาง เพื่อแวะชิม
1 ดาวมิชลิน หมายถึง ร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม
นอกจากดาวมิชลินแล้ว ยังมีรางวัลอื่นๆกับร้านอาหารด้วย โดยตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา มีรางวัล
บิบ กูร์มองด์ (BIB GOURMAND) หมายถึง ร้านที่นำเสนออาหารรสชาติดีในราคาไม่แพง
มิชลิน เพลท (THE PLATE MICHELIN) หมายถึง ร้านอาหารคุณภาพดี ใช้วัตถุดิบสดใหม่ และปรุงอย่างพิถีพิถัน
เกณฑ์การประเมินของ MICHELIN Guide มี5 ข้อ
1.คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้
2.ความโดดเด่นของรสชาติ และเทคนิคการทำอาหาร
3.เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่สะท้อนออกมาในอาหารและประสบการณ์ในมื้อนั้น
4.ความคุ้มค่าสมราคา
5.ความสม่ำเสมอ
ปัจจุบัน MICHELIN Guide มีการสำรวจร้านอาหารและที่พักที่ดีที่สุดกว่า 30 ประเทศทั่วโลก แน่นอนว่า ประเทศไทย คือหนึ่งในนั้น และปี2565 นี้มี จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา เป็นจังหวัดที่ 5 ที่มีการสำรวจ ถือเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่และร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมมากกว่าจังหวัดอื่น ๆ ในเล่ม นอกจากนี้ยังมีเสน่ห์จากร่องรอยอดีตและมีประวัติความเป็นมาที่ทรงอิทธิพลต่ออาหารไทยอย่างยิ่ง
ที่มาข้อมูล และ ภาพประกอบ