ในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล อีกหนึ่งสินทรัพย์ที่กำลังมาแรงไม่แพ้คริปโทเคอร์เรนซี ก็คือ Non-Fungible Token (NFT) หรือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ทำซ้ำไม่ได้ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในกลุ่มศิลปินและนักสะสม ไม่ว่าจะเป็นวงการศิลปะ ดนตรี เกม แฟชั่น จนผลักดันให้ตลาด NFT ทั่วโลกมีมูลค่าถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.3 แสนล้านบาท) และกลายเป็น "คำแห่งปี" ของพจนานุกรรมคอลลินส์ในปีนี้
ล่าสุด GMM Grammy ประกาศจุดยืนในการเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การลงทุนในตลาด MUSIC NFT ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ท่ามกลางกระแส NFT สุดคึกคักทั่วโลก
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้จับมือร่วมกับ 4 แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ อย่าง Bitkub, Coral, East NFT และ Zipmex เป็นพันธมิตรในการบุกตลาด MUSIC NFT โดยต้องการสร้างตลาด MUSIC NFT ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโดยเฉพาะขึ้นมา เพื่อให้ตลาดเพลง NFT ของไทยเป็นที่นิยมในวงกว้างได้เร็วยิ่งขึ้น และเป็นการรับกับโอกาสใหม่ในตลาด NFT ที่กำลังจะพลิกโฉมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั่วโลก โดยจะเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้จากการซื้อขายชิ้นงานที่ไร้ขอบเขต สามารถเข้าถึงได้ง่ายในโลกดิจิทัล และยังเป็นทางเลือกใหม่ของคนรักเพลงและศิลปิน ให้สามารถเข้าถึง ครอบครอง ลงทุน ในคอลเลคชั่นพิเศษต่างๆ ของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทยังพร้อมที่จะร่วมมือกับ Platform NFT เจ้าอื่นๆ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการเจรจาข้อตกลงและจะทำการประกาศความร่วมมือในลำดับต่อไป
สำหรับ 4 พันธมิตร ที่จะร่วมส่งเสริมตลาด MUSIC NFT ได้แก่
1. Bitkub - สินค้าในแพลตฟอร์มนี้จะเป็นเรื่องของ Young Artist ที่มี Digital Mindset เป็นสินค้าที่มีความครีเอทีฟ และดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่
2. Coral - สินค้าในแพลตฟอร์มนี้คือ Mass Inventory Collection ที่จับต้องง่าย เป็นสินค้าของศิลปินที่เป็นขวัญใจมหาชน
3. East NFT - สินค้าสำหรับแพลตฟอร์มนี้คือ ชิ้นงานที่เป็นประวัติศาสตร์ของศิลปินชื่อดังระดับตำนาน ที่จะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก และสินค้าที่เป็น Rare Item
4. Zipmex - กลยุทธ์ของแพลตฟอร์มนี้จะเป็น Campaign Innovation การสร้างคอมมูนิตี้จัด Virtual fan meet และเน้นในเรื่องของการเป็น Global Connector ยกระดับ มาตรฐาน Digital Asset ของไทยให้ดึงดูดกลุ่มแฟนคลับทั่วโลก
ขณะที่ "สินค้า" และ "บริการ" ด้าน MUSIC NFT จะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคอลเล็กชั่น ในแต่ละแพลตฟอร์ม คือ
1. Special - สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาในโลกของ MUSIC NFT ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะเน้นความ Mass เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง
2. Rare - กลุ่มนี้จะเป็นสินค้าที่มีจำกัดและเป็น Unseen Item โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Limited Item และ Limited Movement
3. Epic - กลุ่มสินค้าที่ไม่มีการผลิตซ้ำ เป็น Moment พิเศษ ที่เป็นตัวแทนของความทรงจำที่มีคุณค่า ให้แฟนๆ ได้เข้าถึงและสามารถครอบครองได้
4. Legendary - เป็นสินค้าและผลงานของศิลปินระดับตำนานของประเทศที่มีเรื่องราวความเป็นมา มีความหายาก บางชิ้นนับเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก
“เราต้องการสร้างประวัติศาสตร์ในการบุกเบิกตลาด MUSIC NFT ในต้นปีหน้า ด้วยความพร้อมถึง 48 แคมเปญ เพื่อแฟนพันธุ์แท้ของศิลปิน หรือนักสะสมที่ชื่นชอบในชิ้นงานและอยากครอบครองเป็นเจ้าของ รวมทั้งนักลงทุนที่จะเข้าถึงและครอบครองความพิเศษในครั้งนี้” นายภาวิต กล่าว