Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไหวไหมท่องเที่ยวไทย ? เจอหลายปัจจัยลบ นทท.ต่างชาติลด 7.5%
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ไหวไหมท่องเที่ยวไทย ? เจอหลายปัจจัยลบ นทท.ต่างชาติลด 7.5%

17 ต.ค. 68
15:22 น.
แชร์

ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เพราะนักท่องเที่ยวจีนไม่กลับมา แม้จะมีนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศเข้ามามากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยได้ และแม้ว่าภาครัฐพยายามหาทางกระตุ้นเพื่อทำยอดให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ แต่ตัวเลข 9 เดือนยังคงห่างไกลจากเป้าอยู่มาก มีแนวโน้มสูงที่ทั้งปีจะไม่ถึงเป้า 

หลังจากพยายามกระตุ้นมาหลายวิธีแล้ว ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศดึง ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ มาเป็น ‘Amazing Thailand Ambassador’ เพื่อถ่ายทอดเสน่ห์ของประเทศไทย ด้วยความหวังว่าชื่อเสียงในระดับสากลของลิซ่าซึ่งมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากถึง 106 ล้านบัญชี จะช่วยเผยแพร่ความงดงามของเมืองไทยให้เปล่งประกายไปทั่วโลก และดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้มากขึ้น 

ขณะที่รัฐบาลก็ออกหลายมาตรการเพื่อกระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะเมืองรองที่ได้รับการส่งเสริมมากเป็นพิเศษ

แต่ก็ไม่รู้ว่าความทรงพลังของลิซ่า และมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล จะช่วยได้มากน้อยเพียงใด เมื่อปัจจัยลบที่ภาคท่องเที่ยวไทยเผชิญอยู่นั้นมีไม่น้อย

นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 7.54% ทั้งปีส่อวืดเป้า

ในตอนแรกการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปี 2568 ไว้ที่ 39 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2562 (ก่อนโควิด-19) แต่เมื่อเห็นสภาพจริงในช่วงครึ่งปีแรกแล้วจึงมีการปรับเป้าลงเหลือ 35 ล้านคน และล่าสุด เมื่อเดือนกันยายน ททท.คาดการณ์ว่าจะได้แค่ 33.4 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลง 6% จากปี 2567 

ภาพรวม 9 เดือน (มกราคม - กันยายน) ของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทย 24,115,328 คน ลดลง 7.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) โดยตลาดที่นักท่องเที่ยวลดลงมากที่สุด คือ จีน ที่เข้ามาเพียง 3.41 ล้านคน ลดลง 34.97% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และที่รองลงไปคือ เกาหลีใต้ ที่เข้ามา 1.13 ล้านคน ลดลง 17.70% 

และอัพเดตถึง 12 ตุลาคม 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้วเพียง 25,096,346 คน ลดลง 7.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1,159,456 ล้านบาท 

คำนวณจากจำนวนล่าสุดนี้ หมายความว่าในช่วงเวลาอีก 2 เดือนกว่าๆ ต้องมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีกประมาณ 8.3 ล้านคน จึงจะถึงตัวเลขคาดการณ์ 33.4 ล้านคน 

ไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวจีนที่หายไป แต่นักท่องเที่ยวมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดอันดับ 1 ของไทยในปีนี้ ก็มีจำนวนลดลงและส่งสัญญาณน่ากังวล โดยข้อมูลจากข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 5 ตุลาคม 2568 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวไทย 3.53 ล้านคน ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 

ทุกสถาบันห่วงท่องเที่ยวไม่ฟื้น

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาน้อย ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยซบเซา เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ทุกสถาบันเป็นกังวล และมีการกล่าวถึงในหลายๆ วาระโอกาส 

อย่างในการเสวนา ‘The Future Direction of Thailand : เมื่อโลกเปลี่ยน…ประเทศไทยไปทางไหน?’ จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ภาคท่องเที่ยวว่า ภาคการท่องเที่ยวที่อ่อนแอลงเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ 

ดร.พจน์แนะด้วยว่า นายกรัฐมนตรีควรไปเยือนประเทศจีน เพื่อหารือมาตรการที่จะสร้างความเชื่อมั่นในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยโดยด่วน เพื่อช่วยให้ตัวเลขการท่องเที่ยวเป็นบวก เพราะถึงแม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเล็กน้อย แต่ยังไม่สามารถชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจำนวนมากได้ ต้องดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา ตัวเลขท่องเที่ยวไทยจึงจะดีขึ้น

ขณะที่เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงความเห็นบนเวทีเดียวกันว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์ตัวหนึ่งที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยมาตลอด แต่ในปีนี้ตัวเลขไม่ถึงเป้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งไว้ ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

ทั้งนี้ กกร.มองว่าหนึ่งในสาเหตุที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยน้อย คือ ค่าเงินบาทของไทยแข็งเกินไป ขณะที่ค่าเงินเยนของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอ่อนค่าลงมาก ทำให้การไปเที่ยวญี่ปุ่นมีต้นทุนต่ำลงและซื้อของได้ในราคาถูกลง ยิ่งหนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น 

สาเหตุนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยน้อย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเคยวิเคราะห์ไว้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า มีหลายปัจจัยลบที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยน้อยลง ได้แก่

1. เศรษฐกิจโลกมีทิศทางชะลอตัวลงกระทบแผนการเดินทางและการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว

2. ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศกระทบการเดินทาง แม้เหตุการณ์ระหว่างอินเดียและปากีสถานยุติและสายการบินกลับมาเปิดเส้นทางการบินได้ตามปกติแล้ว แต่สถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงสงครามรัสเซียกับยูเครนยังไม่ยุติ ทำให้ประเด็นนี้จะยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นและแผนการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่อง

3. ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวไทยลดลง สะท้อนจากจำนวนชาวต่างชาติเที่ยวไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นและเวียดนามโตเร่งขึ้น โดย 2 ปัจจัยที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทย ได้แก่

- ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยในสายตานักท่องเที่ยวบางกลุ่มลดลง ตั้งแต่ต้นปี 2568 มีหลายเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติและยังมีผลต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจากผลสำรวจ ของ Dragon Trail ณ เดือนเมษายน 2568 พบว่า ชาวจีนมีความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของประเทศไทยลดลงเหลือเพียง 19% ขณะที่ 51% มองว่าประเทศไทยมีความไม่ปลอดภัย

- ราคาสินค้าบริการท่องเที่ยวไทยปรับตัวเร่งขึ้นเมื่อเทียบกับหลายประเทศ สะท้อนจากเครื่องชี้ราคาเฉลี่ยห้องพักต่อวันในไทย (Average Daily Rate) ในปี 2567 ปรับตัวสูงขึ้นถึง 34% เทียบกับในปี 2562 หรือก่อนโควิด-19 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่มตัวอย่างที่ขยายตัวเพียง 28.3% อีกทั้งราคาสินค้าและบริการอย่างในร้านอาหารก็มีทิศทางเพิ่มขึ้นตามสภาวะต้นทุน

4. การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสูง เนื่องจากหลายประเทศมีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว มีการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น เกาหลีใต้เสนอมาตรการวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางกับบริษัทนำเที่ยว (กรุ๊ปทัวร์) ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่เวียดนามออกวีซ่าระยะยาว 10 ปี (10-year Golden Visa) ดึงดูดชาวต่างชาติและกระตุ้นการท่องเที่ยว

จีนไม่มาไทย เที่ยวในประเทศ-หันไปเวียดนาม 

นอกจากเหตุผลเรื่องความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยที่ร่วงลงจากเหตุนักแสดงจีนถูกหลอกให้เดินทางมาถ่ายละครที่ประเทศไทยแต่ถูกพาไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว ยังมีสาเหตุอื่นที่ชาวจีนไม่มาเที่ยวไทย นั่นคือ สภาพเศรษฐกิจของจีนที่อ่อนแอมาหลายปีส่งผลให้คนจีนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จากที่เคยจับจ่ายอย่างสนุกเปลี่ยเป็นประหยัดลงและเที่ยวในประเทศมากขึ้น ซึ่งมีตัวเลขให้เห็นเทรนด์นี้แล้วอย่างน้อย 2 ปี 

ล่าสุด ในช่วงวันหยุด ‘โกลเดน วีก’ ระหว่างวันที่ 1-8 ตุลาคม 2568 ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศรวม 888 ล้านครั้ง มีการใช้จ่าย 809,010 ล้านหยวน (ประมาณ 3,697,680 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 1.8% และ 7.6% จากปีก่อนหน้า ตามลำดับ 

การเติบโตดังกล่าวชะลอตัวลงจากช่วงวันหยุดยาววันที่ 1-5 พฤษภาคม ซึ่งการเดินทางภายในประเทศและรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศเติบโตขึ้น 6.4% และ 8% ตามลำดับ อีกทั้งค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 1 ทริป ลดลงประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปี 2019 (ก่อนโควิด-19)

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าคนจีนใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวน้อยลง

นอกจากนั้น ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมาไทยน้อยลง ประเทศหนึ่งที่เป็นคู่แข่งของไทยและดึงนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นได้มากคือ เวียดนาม โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนเข้าไปเที่ยวเวียดนาม 3.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 

ในทางตรงข้าม ทางการจีนก็ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างเห็นผลผ่านนโยบายยกเว้นวีซ่า (Visa-free) และออกมาตรการอำนวยความสะดวกการเข้าเมือง 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติของจีน (NIA) เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมว่า ในไตรมาส 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไปเยือนจีนภายใต้นโยบายยกเว้นวีซ่าจำนวน 7.246 ล้านคน เพิ่มขึ้น 48.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งการเข้าประเทศจีนภายใต้นโยบายยกเว้นวีซ่าคิดเป็น 72.2% ของการเข้าประเทศของชาวต่างชาติทั้งหมด 

รัฐบาลกระตุ้นคนไทยเที่ยวไทยช่วยอีกทาง 

เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาน้อย ต้องหวังการท่องเที่ยวในประเทศช่วยอีกทาง รัฐบาลอนุทิน ซึ่งมีเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ ‘Quick Big Win’ ซึ่งขาหนึ่งในนั้นเป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ที่หวังว่าจะช่วยดึงเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 โตขึ้นได้อีกนิด 

ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) หรือ ครม.เศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ประกอบด้วย 

มาตรการที่ 1 ลดหย่อนภาษี โดยให้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 20,000 บาทสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในประเทศ และให้หักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า สำหรับค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวจังหวัดที่เป็นเมืองรอง โดยมีช่วงเวลาดำเนินเวลามาตรการ ตั้งแต่ 29 ตุลาคมถึง 15 ธันวาคม 2568 คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 140,000 คน มูลค่ารวม 2,800 ล้านบาท 

มาตรการที่ 2 ให้หน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงรัฐวิสาหกิจ เร่งเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการอบรมสัมมนาให้ได้ 60% ของงบฯอบรมสัมมนาทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2569 เพื่อฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

มาตรการที่ 3 สนับสนุนการปรับปรุงที่พัก โดยให้สถานประกอบการ (โรงแรม ที่พักแรม) หักภาษีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงแรมได้ 1 เท่า สำหรับจังหวัดที่ไม่ใช่เมืองรอง และหักได้ 2 เท่า สำหรับจังหวัดเมืองรอง 

มาตรการที่ 4 ขยายระยะเวลาปรับลดอัตราภาษีสถานบันเทิง โดยขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 10 % เป็น 5 % ออกไป 1 ปี สำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ 

แชร์
ไหวไหมท่องเที่ยวไทย ? เจอหลายปัจจัยลบ นทท.ต่างชาติลด 7.5%