ขณะที่เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของไทยยังอยู่ในขั้นตอนหารือและยังไม่ได้ข้อสรุป จังหวัดกว๋างนิญของเวียดนามได้ประกาศก้าวสำคัญ ด้วยการเลือก Sun Group กลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่ของประเทศ เป็นผู้ลงทุนในโครงการคอมเพล็กซ์คาสิโน–การท่องเที่ยวและบริการหรู มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.5 หมื่นล้านบาท โครงการนี้ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้ประชาชนภายในประเทศสามารถเข้าร่วมเล่นพนันได้อย่างถูกกฎหมาย ภายใต้รูปแบบ “โครงการนำร่อง” ที่มีกลไกควบคุมเข้มงวด
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างนิญได้ออกเอกสารอนุมัติอย่างเป็นทางการให้บริษัท Van Don Sun Joint Stock Company (Van Don Sun JSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Sun Group เป็นผู้ลงทุน โดยโครงการนี้ได้รับการอนุมัติในหลักการจากนายกรัฐมนตรี ฝ่าม มิงห์ จิ๋ง ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2025 ผ่านคำตัดสินของรัฐบาล
จากรายงานของสื่อเวียดนาม โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ใน เขตเศรษฐกิจวั่นดอน (Van Don Economic Zone) ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษยุทธศาสตร์ของประเทศ พื้นที่โครงการมีขนาดรวม 244.45 เฮกตาร์ และถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและความบันเทิงแบบครบวงจรที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค
องค์ประกอบของโครงการครอบคลุมอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ คาสิโนระดับโลก ที่จะอนุญาตให้คนเวียดนามเข้าทดลองเล่นได้ภายใต้เกณฑ์เข้มงวด โรงแรมหรู รีสอร์ตระดับ 5 ดาว โรงแรมอพาร์ตเมนต์หรือคอนโดเทล ศูนย์การค้า ทาวน์เฮาส์เชิงพาณิชย์ อาคารสำนักงาน และศูนย์ประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติ ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนและการใช้ชีวิตอย่างครบวงจร เช่น สนามกีฬา สวนสนุกขนาดใหญ่ และบริการสุขภาพเชิงพรีเมียม
ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามได้กำหนดเงื่อนไขการเข้าร่วมสำหรับพลเมืองอย่างเข้มงวด ทั้งในแง่คุณสมบัติด้านอายุ ระดับรายได้ และสถานะทางกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดคาสิโนนำร่องครั้งแรกนี้จะไม่สร้างผลกระทบทางลบต่อสังคม และสามารถควบคุมได้อย่างใกล้ชิดตามระเบียบปัจจุบัน
โครงการนี้ถูกออกแบบให้เป็น “ซูเปอร์คอมเพล็กซ์” (Super Complex) ที่ผสานการพักผ่อน การท่องเที่ยว และความบันเทิงไว้ในพื้นที่เดียวกัน โดยวางเป้าหมายให้วั่นดอนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวและคาสิโนระดับโลกที่มีระบบนิเวศปิดและครบวงจร สามารถตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและตลาดชนชั้นกลาง–ชนชั้นสูงของเวียดนามที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
จุดเด่นที่สุดคือการมี คาสิโนนำร่องสำหรับคนเวียดนาม ซึ่งถือเป็นการเปิดเสรีครั้งประวัติศาสตร์ของเวียดนามในธุรกิจบันเทิงและการท่องเที่ยว เมื่อผนวกเข้ากับโครงการด้านการท่องเที่ยวและบริการครบวงจร เช่น โรงแรมหรู รีสอร์ต ศูนย์การค้า และศูนย์การประชุม โครงการนี้จึงถูกมองว่าเป็น “จุดหมายปลายทางระดับโลก” ที่สามารถแข่งขันกับ มาเก๊า (จีน) และ ลาสเวกัส (สหรัฐฯ) ได้โดยตรง
นอกจากนั้นยังมีการวางแผนให้พื้นที่นี้เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะและวัฒนธรรม โดยจะจัดการแสดงนานาชาติ คอนเสิร์ตระดับโลก และโชว์ขนาดใหญ่ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้วั่นดอนกลายเป็น “เมืองไม่เคยหลับ” ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน การลงทุนครั้งนี้ยังมีมิติทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากจะช่วยยกระดับเขตเศรษฐกิจวั่นดอนให้กลายเป็น สัญลักษณ์ใหม่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและคาสิโนในเวียดนาม และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ประเทศบนแผนที่การท่องเที่ยวโลก
เงินลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นทุนผู้ถือหุ้น เงินกู้ และการระดมทุนเพิ่มเติม โดยโครงการได้รับสิทธิในการดำเนินงานสูงสุด 70 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุมัติ และมีกำหนดการก่อสร้างและเปิดดำเนินงานเต็มรูปแบบภายใน 9 ปี หลังการจัดสรรหรือการเช่าที่ดินแล้วเสร็จ
Sun Group เป็นหนึ่งในกลุ่มทุนเอกชนที่มีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ในจังหวัดกว๋างนิญมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้พัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ซึ่งเปลี่ยนโฉมภูมิภาคไปอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างสำคัญ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติวั่นดอน ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งแรกของเวียดนามที่ลงทุนและบริหารโดยเอกชน รวมถึงท่าเรือนักท่องเที่ยวฮาลอง ซึ่งถือเป็นท่าเรือสำราญแห่งแรกของประเทศที่สามารถรองรับเรือครูซขนาดใหญ่จากนานาชาติได้โดยตรง
นอกจากนี้ Sub Group ยังได้ลงทุนสร้างโครงข่ายทางด่วนสายยุทธศาสตร์ เช่น ฮาลอง-วั่นดอน และ วั่นดอน-ม่งกาย ที่ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ระหว่างเวียดนามกับจีน อีกทั้งยังสร้างโครงการท่องเที่ยวระดับโลก เช่น Sun World Ha Long, ยูโคะ ออนเซ็น กว๋างแหง และ Oakwood Halong Resort ซึ่งช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของกว๋างนิญให้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและสุขภาพของภาคเหนือ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของ Sun Group ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงกว๋างนิญ แต่ยังขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มก่อสร้างโครงการคอมเพล็กซ์การค้าและบันเทิง Danang Downtown มูลค่า 79.8 ล้านล้านด่ง หรือประมาณ 3.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งอยู่ในแขวง Hoa Cuong ริมฝั่งแม่น้ำฮัน เมืองดานัง
โครงการนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางเมือง ประกอบด้วยสวนบันเทิงและวัฒนธรรม โรงละคร ถนนค้าปลีกริมน้ำ และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ไฮไลต์สำคัญคืออาคารสูง 69 ชั้น ความสูง 408 เมตร ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จจะกลายเป็นตึกสูงอันดับสองของเวียดนาม รองจาก Landmark 81 ในนครโฮจิมินห์ อาคารดังกล่าวจะเป็นศูนย์รวมฟังก์ชันครบวงจร ตั้งแต่โรงแรมห้าดาว ออฟฟิศเกรดเอ อพาร์ตเมนต์หรู ศูนย์การค้า ร้านอาหาร บาร์ ศูนย์การประชุม ไปจนถึงจุดชมวิวระดับโลก
โครงการนี้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของนครดานังที่ต้องการยกระดับตนเองเป็นศูนย์กลางเมืองใหญ่ระดับประเทศ หลังการควบรวมกับจังหวัดกว๋างนาม ทำให้ดานังมีพื้นที่รวมกว่า 11,859 ตารางกิโลเมตร กลายเป็นเมืองที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม อีกทั้งยังมีศักยภาพสูงในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยครอบครองมรดกโลกยูเนสโก 2 แห่ง สนามบินนานาชาติ 2 แห่ง ได้แก่ สนามบินดานังและสนามบินชูลาย รวมถึงมีแผนจัดตั้งเขตการค้าเสรีแห่งแรกและศูนย์การเงินนานาชาติของประเทศ
ตามรายงานของสำนักงานสถิติท้องถิ่น ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ดานังต้อนรับนักท่องเที่ยวพักค้างคืนกว่า 5.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18.9% จากปีก่อนหน้า โดยในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 31.4% สะท้อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเมืองในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก
ในนครโฮจิมินห์ Sun Group อยู่ระหว่างการขออนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ามหาศาล ได้แก่ ถนนเลียบแม่น้ำไซ่ง่อน และโครงการรถไฟใต้ดินความยาวกว่า 40 กิโลเมตร ภายใต้โมเดลการก่อสร้าง–โอน (BT) ส่วนบนเกาะฟู้ก๊วก บริษัทลูก Sun Airport Corporation ได้รับอนุมัติลงทุนขยายท่าอากาศยานนานาชาติฟู้ก๊วกเพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ในจังหวัดบ่าเหริ่ย–หวุงเต่า กลุ่มซันได้เริ่มโครงการเมืองใหม่มูลค่า 37 ล้านล้านด่ง หรือประมาณ 1.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการเมืองใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ขณะเดียวกันในจังหวัดแทงห์หัว กลุ่มซันยังพัฒนาโครงการคอมเพล็กซ์ท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ Am Tien เพื่อรองรับกระแสการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศรัทธาที่กำลังขยายตัว
นอกจากนี้ ในกรุงฮานอย บริษัทในเครืออย่าง Sun City Limited ยังได้รับอนุมัติในหลักการให้ลงทุนสร้างโครงการ Pearl Opera House and Cultural Theme Park มูลค่า 12.75 ล้านล้านด่ง หรือประมาณ 491 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 191,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในแขวงกว๋างอาน เขตเตยโห่ โดยจะผสมผสานโรงอุปรากรระดับนานาชาติ สวนสนุกเชิงวัฒนธรรม และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการแสดงศิลปะเพื่อยกระดับเมืองหลวงให้เป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรม
การลงทุนต่อเนื่องเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ระยะยาวของ Sun Group ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ แต่ยังมุ่งสร้าง “แลนด์มาร์กแห่งชาติ” ที่ช่วยยกระดับเศรษฐกิจ เสริมสร้างการท่องเที่ยว และยกสถานะของเวียดนามในเวทีโลก
ที่มา: Vietnam Plus, The Investor