สถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อของไทย ดูเหมือนจะไม่ค่อยน่าเป็นห่วงหากดูจากข้อมูลชี้วัดเป็น อัตราเงินเฟ้อ หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค ที่ทางการประกาศเป็นประจำทุกเดือน เพราะ 3 เดือนที่ผ่านมาจนถึงมิ.ย.68 ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อไทยติดลบ 0.25%
เงินเฟ้อติดลบไม่ได้แปลว่า ราคาสินค้าถูกลง แต่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าที่เคยปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่ได้เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง นี่จึงอาจเป็นตัวบ่งบอกสถานการณ์จริงที่คนไทยกำลังเผชิญ นั่นคือ ค่าครองชีพสูง ในขณะที่รายได้สูงไม่ทันกับค่าใช้จ่าย
มีผลสำรวจที่น่าสนใจจากมาร์เก็ตบัซซ (Marketbuzzz) พบว่า 42% ของประชาชนคนไทยมีความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น แม้ข้อมูลทางการจะรายงานภาวะเงินฝืดก็ตาม คนไทยกำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจาก ค่าครองชีพที่สูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่าที่อยู่อาศัย อาหาร การเดินทาง และสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้นถึง 15.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อรายจ่ายของครัวเรือนทั่วประเทศ
● แรงกดดันตามช่วงชีวิต คู่แต่งงานที่มีบุตร จะมีความกังวลสูงสุด อยู่ที่ 46% เมื่อเทียบกับกลุ่มคนโสด ซึ่งความกังวลอยู่ที่ 39%
● ความตึงเครียดตามช่วงอายุ คนไทยสูงวัย อายุ 55 ปีขึ้นไป จะมีความกดดันทางการเงินมากที่สุดถึง 59% ซึ่งมักเกิดจากการที่ต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวขยาย
● ความแตกต่างในแต่ละภูมิภาค พื้นที่ในเมือง เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มักมีความกังวลที่ค่าครองชีพสูงถึง 54% ซึ่งสูงกว่าผู้ที่อาศัยในต่างจังหวัดที่กังวลอยู่ที่ 37% เนื่องด้วยปัจจัยในการดำเนินชีวิต และค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ปี 2567 พบว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อเดือนอยู่ที่ 18,207 บาท (ณ เดือนธันวาคม 2567) ในจำนวนนี้ กว่า 8,000 บาท (หรือ 42%) ถูกใช้ไปกับอาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่อาหารสูงกว่า 10,000 บาท (หรือ 58%) และที่น่ากังวลคือ หนี้ครัวเรือนเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 606,378 บาท จากค่าแรงขั้นต่ำรายวันที่ปรับขึ้นอยู่ระหว่าง 337 - 400 บาท ครัวเรือนไทยจำนวนมากต้องเผชิญกับช่องว่างที่มีมากขึ้นระหว่างรายได้และค่าครองชีพขั้นพื้นฐานที่สูงขึ้น
มร.แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาร์เก็ตบัซซ (Marketbuzzz) เน้นย้ำว่า “ผลสำรวจนี้ แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เรื่องอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเท่านั้น แต่เป็นเรื่องราคาที่สูงขึ้นของสินค้าและบริการที่จำเป็น เช่น ที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค การรักษาพยาบาล และการขนส่ง”
“เราจำเป็นต้องมีมาตรวัดความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อโดยรวมอาจคงที่หรือติดลบ แต่ความจริงคือ ค่าครองชีพที่จำเป็นยังคงสร้างแรงกดดันต่อรายจ่ายของครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อกลุ่มประชากรที่แตกต่างกันอย่างไม่สมดุลอีกด้วย” มร.แกรนท์ กล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม ผลสำสำรวจพบว่า ปัจจุบันคนไทยหลายคนกำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ซึ่งบางครอบครัวอาจต้องตัดสิ่งที่จำเป็นออกไป ในขณะที่บางครอบครัวอาจยังคงก่อหนี้เพิ่ม เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หากค่าครองชีพยังคงเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่รายได้ไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลง ภาระต่อบุคคลและโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง ความเสี่ยงด้านหนี้สินเพิ่มขึ้น และความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่กว้างขึ้นในระยะยาว
สำหรับการศึกษาของ Marketbuzzz ที่สำรวจคนไทย 865 คนทั่วประเทศ กำลังสะท้อนความไม่สอดคล้องกันระหว่างตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการกับความเป็นจริงในชีวิตประจำวันนั้นเห็นได้ชัดเจน