เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการโควิด ไทยก็เช่นกันได้เปิดประเทศให้มีการไปมาหาสู่กัน เปิดรับนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย ตั้งแต่เดือนต.ค.2565 ที่ผ่านมา
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานของไทยที่ต้อนรับนักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มีการเตรียมความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา
ยอดผู้โดยสารแตะ 17.35 ล้านคนที่สุวรรณภูมิ
โดยตัวเลขเที่ยวบิน และผู้โดยสารในภาพรวมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ปัจจุบันนับตั้งแต่ประเทศไทยเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 15 กุมภาพันธ์ 2566 มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 107,304 เที่ยวบิน และมีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 17,350,179 คน
“หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 คลี่คลายลง และประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ได้ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่ทำการบินสนามบินสุวรรณภูมิในภาพรวมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด” นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าว
คาดนักท่องเที่ยวจีนแตะ 1 ล้านคนในส.ค.นี้
สำหรับนักท่องเที่ยวจีนภายหลังจากที่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 และไดด้อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวจัดกรุ๊ปทัวร์นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมานั้น
ตัวเลขจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 8 มกราคม -15 กุมภาพันธ์ 2566 เที่ยวบินที่ทำการบินเข้ามาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีน ฮ่องกง มาเก๊า) มีจำนวน 751 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 20 เที่ยวบิน
ขณะที่ผู้โดยสารขาเข้าจากจีนมีจำนวน 161,502 คน เฉลี่ยวันละ 4,142 คน นอกจากนี้ สนามบินสุวรรณภูมิคาดการณ์ว่า จะมีจำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินขาเข้าจากจีนจะแตะ 500,000 คน ภายในประมาณวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 และแตะ 1,000,000 คน ภายในประมาณวันที่ 20 สิงหาคม 2566
สุวรรณภูมิปรับปรุงแก้ไขรับกระเป๋าล่าช้า
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น โดยเฉพาะความแออัดคับคั่งของผู้โดยสารโดยเฉพาะในช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วน (Peak Hour) นั้น ขณะนี้ได้การดำเนินการแก้ไขในหลายๆ ประเด็น อาทิเช่น
เปิดแผนเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด กล่าวว่า อยู่ระหว่างเตรียมการแก้ไขปัญหาความแออัดคับคั่งบริเวณพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีแผนการเพิ่มขีดความสามารถของจุดตรวจหนังสือเดินทาง แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 - ติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Auto channel เพื่อรองรับผู้โดยสารขาออกได้ทุกประเทศที่มีการใช้งาน E-Passport ทำให้ผู้โดยสารสามารถใช้บริการผ่าน Auto channel ได้ สะดวก รวดเร็ว
ในขณะที่ผู้โดยสารขาเข้านอกจากผู้โดยสารชาวไทยแล้ว ประเทศไทยได้มีบันทึกข้อตกลงในการผ่านเข้าประเทศ ทำให้ผู้โดยสารกลุ่มนี้ สามารถใช้บริการ Auto channel ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติงบประมาณ และคาดว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการจัดหาพัสดุ ได้ประมาณ เดือนมิถุนายน 2566 และเริ่มทยอยทำการติดตั้งเครื่อง Auto channel ได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ไปจนครบภายในเดือนสิงหาคม 2567 ทำให้มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาออก จาก 6,200 คน/ชั่วโมง เป็น 8,800 คน/ชั่วโมง และ สามารถรองรับผู้โดยสารขาเข้า จาก 11,000 คน/ชั่วโมง เป็น 13,300 คน/ชั่วโมง
ระยะที่ 2 - ก่อสร้างพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณพื้นที่ว่างที่อยู่ระหว่างอาคารผู้โดยสารกับ อาคาร Concourse D เพื่อเป็นโถงรองรับผู้โดยสารขาเข้า และผู้โดยสาร Visa on Arrival (VOA) ซึ่งการดำเนินการอยู่ระหว่างการขออนุมัติงบประมาณ และจัดทำข้อกำหนดรายละเอียด (TOR)
โดยจะสามารถเริ่มงานได้ประมาณ เดือนพฤศจิกายน 2566 และจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2568 และเมื่อการดำเนินงานแล้วเสร็จ จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาเข้าได้อีกประมาณ 2,000 คน/ชั่วโมง และเพิ่มการรองรับในส่วนของผู้โดสาร Visa on Arrival (VOA) ได้อีก ประมาณ 400 คน/ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานไทยได้ติดตามและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมรองรับสถานการณ์การเพิ่มจำนวนของผู้โดยสารที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริการและการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว