สินทรัพย์ดิจิทัล

'โดควอน' ถูกรวบแล้วที่มอนเตเนโกร พร้อมถูกอัยการสหรัฐฯ ฟ้อง 8 กระทง

24 มี.ค. 66
'โดควอน' ถูกรวบแล้วที่มอนเตเนโกร พร้อมถูกอัยการสหรัฐฯ ฟ้อง 8 กระทง

‘โด ควอน’ (Do Kwon) ถูกรวบแล้วที่สนามบินพอดโกริกา ประเทศมอนเตเนโกร ขณะพยายามเดินทางออกจากประเทศด้วยเอกสารปลอมและชื่อปลอม พร้อมกับที่ถูกอัยการสหรัฐฯ สั่งฟ้องอีก 8 กระทง ในข้อหาฉ้อโกงสินทรัพย์ และให้ข้อมูลบิดเบือนแก่นักลงทุน

การถูกจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังโดควอนเดินทางหลบหนีคดีมาเป็นเวลายาวนานเกือบ 7 เดือน ภายหลังการล่มสลายของเหรียญ TerraUSD และ Luna และแพลตฟอร์มบล็อคเชน Terraform Labs ทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง และละเมิดกฎหมายตลาดทุนของประเทศเกาหลีใต้ในเดือนกันยายน 2565

ทั้งนี้ ภายหลังทางการเกาหลีใต้ได้ออกหมายจับแล้ว ก็ได้พยายามประสานงานกับตำรวจสากล (Interpol) และรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่เขาหลบหนีไปพำนัก เพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่โดควอนก็ไหวตัวทัน และหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้ตลอด โดยมีข่าวว่าเดินทางไปดูไบ ไปประเทศในยุโรป และเซอร์เบีย จนสุดท้ายไปถูกจับกุมในประเทศมอนเตโนโกรดังกล่าว

do-kwon

จากคำแถลงการณ์ของ Filip Adžić รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของมอนเตเนโกรในเฟซบุ๊กส่วนตัว ตัวตนของโดควอนถูกเปิดเผยผ่านลายนิ้วมือ ซึ่งทางการมอนเตเนโกรมีข้อมูลอยู่ ทำให้จับได้ว่าโดควอนกำลังใช้เอกสารปลอมในการเดินทางและได้ถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวในที่สุด 

โดยภายหลังจากถูกจับกุมได้ไม่ถึงวัน อัยการของสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยอีกว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหาอีก 8 กระทงให้กับโดควอน เป็นข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนในสหรัฐฯ ด้วยการปิดบังหรือบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Terra รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา

ขณะนี้ทางการสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้ออกมาเปิดเผยว่า กำลังดำเนินการนำตัวโดควอนกลับไปดำเนินคดีในประเทศ เนื่องจากโดควอน ถือเป็นผู้ต้องหาของทั้ง 2 ประเทศ 

การล่มสลายของ TerraUSD และ Luna ถือได้ว่า เป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะแช่แข็ง หรือภาวะซบเซาและถดถอยของตลาดคริปโทขึ้น เพราะนักลงทุนเริ่มกังวลในความปลอดภัยและความมั่นคงของบล็อกเชนที่เป็นที่อยู่ของเหรียญที่ตัวเองถืออยู่ 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ได้สร้างความสูญเสียรวมถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.36 ล้านล้านบาท ทำให้แพลตฟอร์มกู้ยืมเงินคริปโตฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง 3 แห่ง คือ Arrow Capital, Celsius Network และ Voyager Digital ล้มละลาย และทำให้นักลงทุนรายย่อยหลายแสนคนทั่วโลกต้องสูญเสียเงิน ทั้งจากการถือ TerraUSD และ Luna โดยตรง และจากผลกระทบทางอ้อมที่วิกฤตศรัทธาทำให้ราคาของทุกคริปโทเคอร์เรนซีตกลงทั่วโลก

 

ตลาดคริปโทเริ่มกลับมาสดใส จากสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากตกอยู่ในภาวะซบเซามานานหลายเดือน ในช่วงนี้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีก็เริ่มกลับมาสดใสอีกครั้งจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงจากการขึ้นดอกเบี้ยนโบบายของธนาคารกลาง ตัวเลขการจ้างงานที่ดี การเปิดประเทศของจีนที่ทำให้เศรษฐกิจโลกกลับมามีหวัง รวมไปถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยลงจากกรณีปัญหาในภาคธนาคาร 

โดยจากข้อมูลของ CoinMarketCap มูลค่าของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เพิ่มขึ้นจาก 7.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 24.8 ล้านล้านบาท ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ปี 2022 กลับขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 1 ล้านล้าน ที่ 1.09 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 37.1 ล้านล้านบาท ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 2023 ก่อนจะขึ้นมาเป็น 1.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 40 ล้านล้านบาท ในวันที่ 24 มีนาคม 

การปรับตัวขึ้นของตลาดคริปโท นำโดย 2 เหรียญใหญ่ คือ ‘บิตคอยน์’ และ ‘อีเธอเรียม’ โดยจากข้อมูลของ CoinMarketCap ราคาของบิตคอยน์ขึ้นเกือบ 40% จากจุดต่ำสุดในปี 2022 ที่ 15,523 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 23,954 ดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 29 มกราคม ปี 2023 ในวันที่ 23 มีนาคม ราคาของบิตคอยน์ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตที่ 28,803 ดอลลาร์สหรัฐ


ที่มา: CNN, BBC, CoinMarketCap, Financial Times

advertisement

SPOTLIGHT