สินทรัพย์ดิจิทัล

เม่าคริปโทในสหรัฐเจ๊งยับ! สูญเงินปีเดียวกว่า 3.4 หมื่นล้าน

6 มิ.ย. 65
เม่าคริปโทในสหรัฐเจ๊งยับ! สูญเงินปีเดียวกว่า 3.4 หมื่นล้าน

คดีหลอกลวงเกี่ยวกับคริปโทฯ ในสหรัฐพุ่ง 60 เท่า เจ๊งกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่หลอกให้ลงทุนจนถึงหลอกให้รัก พบ"วัยรุ่น"ตกเป็นเหยื่อมากสุด


ถึงแม้ว่ากระแสคริปโทฯ ขาลง และการเจ๊งของ LUNA จะทำให้หลายคนขยาดกับโลกการลงทุนใหม่อย่างคริปโทเคอร์เรนซี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีคนเสียก็มีคนได้ มีคนอยากออกแต่ก็มีคนอยากเข้าใหม่อยู่ตลอด และทำให้วงการนี้ยังคงเกิดคดี "การหลอกลวง-ฉ้อโกง-Rug Pull" เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ล่าสุด คณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐอเมริกา (FTC) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "แมงเม่าคริปโทฯ" เฉพาะในสหรัฐ ช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เม่าตัวใหญ่ตัวเล็ก ไปจนถึงเม่าเด็กและเม่าแก่ โดยมีข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้
  
istock-1356500382
  

  • ตั้งแต่ต้นปี 2021 มีคนตกเป็นเหยื่อคดีหลอกลวงเกี่ยวกับคริปโทฯ ถึง 46,000 คน คิดเป็นความเสียหายมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (กว่า 34,400 ล้านบาท)

  • คดีหลายประเภทตั้งแต่การหลอกลวง-ฉ้อโกง-Rug Pull หรือเรียกรวมๆ ว่า Scams เพิ่มขึ้นถึง 60 เท่า! เมื่อเทียบกับปี 2018 ในช่วงที่ยังไม่บูม

  • 70% ของการหลอกลวงจะเกี่ยวกับเหรียญ Bitcoin เป็นหลัก รองลงมาคือ Tether 10% และ Ethereum 9%

  • ผู้เสียหายเกือบครึ่ง ถูกล่อลวงจากโพสต์บนออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และได้ "เมสเซจทางโซเชียลมีเดีย" โดยเฉพาะจาก Instagram (32%), Facebook (26%), WhatsApp (9%) และ Telegram (7%)

  • "วัยรุ่น" ตกเป็นเหยื่อการโกงมากกว่า "คนแก่" โดยวัยรุ่นตอนกลางช่วงอายุ 25-40 ปี มีโอกาสตกเป็นเหยื่อมากกว่าถึง 3 เท่า

  • ความเสียหายเฉลี่ยต่อคน อยู่ที่ประมาณ 2,600 ดอลลาร์ (เกือบ 90,000 บาท)

  • รูปแบบการโกงที่สร้างความเสียหายมากที่สุด อันดับ 1 คือ "หลอกให้ลงทุนปลอม" (Fake Investment) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% หรือราว 575 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 20,000 ล้านบาท) ซึ่งคนที่ถูกหลอกไม่สามารถถอนเงินลงทุนคืนได้

  • รูปแบบการโกงยอดฮิตอันดับ 2 คือ "หลอกให้รัก" โดยเป็นการหลอกให้เหยื่อรักและหลง เพื่อหวังแสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อใจของเหยื่อ ความเสียหายเฉลี่ยต่อคน อยู่ที่ประมาณ 10,000 ดอลลาร์ (ราว 344,000 บาท)

 

ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้จับกุม สั่งฟ้อง หรือลงโทษบรรดา Scammer ไปแล้วหลายราย ตั้งแต่ตัวเล็กๆ ไปจนถึงระดับ CEO บริษัท เช่น การฟ้อง CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท BitConnect ในข้อหาเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่วงเงินความเสียหายทั่วโลก 2,400 ล้านดอลลาร์ หรือ CEO บริษัทขุดเหมือง Mining Capital Coin ก็เจอคดีฉ้อโกงความเสียหายทั่วโลก 62 ล้านดอลลาร์ โดยทั้งสองคดีนี้มีการสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนกลับคืนหลายเท่าตัว แต่ที่สุดแล้วกลับอมเงินอยู่ในกระเป๋าคริปโทวอลเล็ตของตัวเอง


FTC ย้ำคำเตือนว่า ประชาชนควรรับรู้และเข้าใจว่า การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีนั้น "ไม่มีการรับประกันผลตอบแทน" หลีกเลี่ยงการจัดการทางธุรกิจที่มีเงื่อนไขต้องมีการซื้อคริปโทฯ และระวังการหลอกลวงเกี่ยวกับเรื่องความรักความโรแมนติกทั้งหลายที่มาพร้อมกับการชักชวนใดๆ ที่เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโทฯ


"ถ้าคนที่มาจีบคุณเริ่มแสดงความสนใจในการลงทุนคริปโทฯ หรือขอให้คุณโอนคริปโทฯ ให้เขา นั่นล่ะ คุณถูกหลอกแล้ว" FTC ระบุ

advertisement

SPOTLIGHT