ความหวังครั้งใหม่ของวงการคริปโทฯ ได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่เพราะตลาดกลับมาเขียวสดใส แต่เกิดจากการที่ ‘ผู้ที่สร้างความเสียหาย’ ให้กับทั้งตลาดและนักลงทุน กำลังถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว จากเหตุการณ์ที่ Sam Bankman-Fried ซีอีโอของ FTX ถูกทางการบาฮามาสเข้าควบคุมตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และคาดว่าสหรัฐจะร้องขอการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ เร็วๆ นี้
นับเป็นก้าวสำคัญของหน่วยงานด้านความยุติธรรมและการเงินที่มีต่อคดีระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากที่ปล่อยให้ ‘Do Kwon’ ผู้ก่อกำเนิดหายนะเหรียญ LUNA ทำวงการคริปโทแทบราพณาสูร ลอยนวลไป หนีไป ‘พักใจ’ ที่เซอร์เบียในขณะนี้
ฟ้องซีอีโอ FTX 8 ข้อหา จ่อนอนคุกข้ามศตวรรษ
การเข้าจับกุมอดีตซีอีโอ FTX ของทางการบาฮามาสนั้น เป็นไปตามคำร้องขอของสำนักอัยการนิวยอร์กใต้ ที่ได้ยื่นฟ้องคดีอาชญากรรมทางการเงินรวม 8 ข้อหา ได้แก่
ซึ่งตามแนวทางการลงโทษสูงสุดตามกฎหมาย (Congressional statutory maximum sentencing guidelines) แล้ว SBF อาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง “115 ปี” หากพบว่าเขามีความผิดจริงในทุกข้อกล่าวหาข้างต้น
The New York Times เผยว่า การจับกุมตัวอดีตซีอีโอของ FTX ในครั้งนี้ นับว่ารวดเร็วกว่าที่นักกฎหมาย หรือทนายหลายคนคาดคิด ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาหลายเดือนในการสืบสวน ก่อนจะสามารถจับกุมได้ ซึ่งความรวดเร็วในการจับกุม SBF ครั้งนี้ อาจเกิดจากการที่ อัยการและหน่วยงานกำกับดูแลได้รับข้อมูลจากพยานมากมายที่พร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงหน่วยงานนับสิบแห่งในหลายประเทศกำลังสืบสวนพฤติการณ์ทางการเงินของอาณาจักร FTX อยู่
ติดตามไทม์ไลน์การล่มสลายของ FTX ได้ที่นี่
นอกจากข้อหาจากฝั่งอัยการสหรัฐแล้ว สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) หรือ ก.ล.ต.
นอกจากการยื่นฟ้องในคดีอาญาจากฝั่งอัยการสหรัฐแล้ว ก็ยังมีโจทก์อีก 2 รายที่ร่วมกันยื่นฟ้องในวันนี้ คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) หรือ ก.ล.ต. ของสหรัฐ และคณะกรรมการกำกับดูแลสินค้าโภคภัณฑ์ในสหรัฐ (CFTC)
สหรัฐนั้นจัดให้คริปโทเคอร์เรนซี มีสถานะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ไม่ใช่ หลักทรัพย์ (Securities) แต่ในเคสนี้ SBF ถูกฟ้องจากทั้งสองหน่วยงานไม่ใช่เพราะจากสถานะของตัวธุรกิจ แต่หัวใจหลักอยู่ที่เรื่อง “การฉ้อโกง” (Fraud) และการหลอกลวงนักลงทุน ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในกฎหมายเศรษฐกิจหลักๆ โดยการยื่นฟ้องของ SEC และ CFTC เป็นการฟ้องฐานละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ปี 1933 ในบทบัญญัติเกี่ยวกับการฉ้อโกง และละเมิดกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ ปี 1994 พร้อมขอให้ศาลสั่งห้ามไม่ให้ SBF เข้าร่วมในการออก ซื้อ เสนอหรือขายหลักทรัพย์ใด ๆ ยกเว้นบัญชีส่วนตัวของเขาเอง ในอนาคตได้อีก
SBF ถูกตั้งข้อหาวางแผนหลอกลวงนักลงทุนในบริษัท FTX Trading Ltd. (FTX) ของเขา โดย SEC ยังตั้งข้อสังเกตว่าอดีต CEO ผู้นี้ “โอนเงินของลูกค้า FTX ของเขาไปยังบริษัทในเครืออย่าง Alameda Research ในขณะที่ระดมทุนได้มากกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์จากนักลงทุน” โดยมิได้รับความยินยอมจากลูกค้า โดยการข้อหาดังกล่าว เกิดขึ้นเพียง 1 วันหลัง SBF ถูกทางการบาฮามาสคุมตัว
ก่อนหน้านี้ หลังการเข้าจับกุม SBF 1 วัน ทนายความของเขาได้ยื่นขอประกันตัวในศาลบาฮามาส ในระหว่างรอการร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากทางการสหรัฐ ในคำขอประกันตัวระบุว่า ลูกความของเขา ได้รับความทุกข์ทรมานจาก “ภาวะซึมเศร้า” และ “อาการนอนไม่หลับ” ซึ่งเขาไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม และไม่ได้หลบหนีจากบาฮามาส แม้มีโอกาส โดย SBF พร้อมมารายงานตัวกับตำรวจท้องที่หากได้รับการประกันตัว รวมถึงยอมรับการตรวจสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าผู้พิพากษา JoyAnn Ferguson-Pratt ได้ปฏิเสธคำร้องขอประกันตัวของ SBF เนื่องจากความเสี่ยงในการหลบหนีออกนอกประเทศ และมีคำสั่งให้อยู่ภายใต้การควบคุมตัวกรมราชทัณฑ์ ไปจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปีหน้า
ที่มา : CNN, New York Times, Fox Business, Coin Telegraph