ธุรกิจการตลาด

Tesla เตรียมยกเครื่อง Model Y ตกแต่งภายใน-ภายนอกใหม่ คาดเริ่มผลิตที่เซี่ยงไฮ้กลางปีหน้า

28 ธ.ค. 66
Tesla เตรียมยกเครื่อง Model Y ตกแต่งภายใน-ภายนอกใหม่ คาดเริ่มผลิตที่เซี่ยงไฮ้กลางปีหน้า

เทสลา (Tesla) มีแผนปรับโฉมรถรุ่น Model Y ทั้งภายในและภายนอกในปีหน้า เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นในตลาดจีนที่มีคู่แข่งสำคัญอย่าง BYD และ Xpeng ซึ่งมีข้อได้เปรียบสำคัญทั้งด้านความหลากหลายและราคา คาดเริ่มผลิตกลางปีหน้าที่ศูนย์ผลิตเมืองเซี่ยงไฮ้

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า แหล่งข่าวได้ระบุว่า ทาง Tesla กำลังจะปรับเปลี่ยนรูปโฉมและการตกแต่งของรถรุ่น Model Y ในปีหน้า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของ Tesla หลังคู่แข่งสำคัญอย่าง BYD ตีตลาดแย่งส่วนแบ่งไปได้จนมีสิทธิที่จะได้ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตรถอีวีรายใหญ่ที่สุดในโลกในปีนี้

แหล่งข่าว เผยว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะเป็นการปรับโฉมรถรุ่น Model Y อย่างชัดเจน เพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงในเดือนตุลาคมที่มีการดีไซน์ล้อรถและไฟใหม่ 

รถรุ่น Model ดีไซน์ใหม่นี้จะเริ่มผลิตภายในกลางปี 2024 ที่โรงงานในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งจะหยุดการผลิตเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนปีใหม่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปรับเปลี่ยนและเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการผลิต Model Y ดีไซน์ใหม่ 

ทั้งนี้ โรงงานที่เมืองเซี่ยงไฮ้ดังกล่าว ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2019 โดยในปัจจุบัน โรงงานนี้เป็นแหล่งผลิตรถยนต์มากกว่าครึ่งที่เทสลาส่งมอบให้ลูกค้าในปีนี้ โดยเฉพาะ Model Y ซึ่งถือได้ว่าเป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับผู้บริโภคจีน เพราะรถยนต์รุ่นนี้คิดเป็นถึง 75% ของรถอีวีที่เทสลาจำหน่ายในประเทศจีน

 

ตลาดอีวีแข่งขันหนัก BYD เบียดเทสลา

ประเทศจีนเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในครึ่งปีแรกของปี 2023 รถอีวีถึง 55% ที่จำหน่ายทั่วโลก หรือประมาณ 3.4 ล้านคัน เป็นรถที่จำหน่ายในประเทศจีน โดยข้อมูลของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน (China Passenger Car Association: CPCA) ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนในเดือนพฤศจิกายนนั้นเพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ 8.9% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม สะท้อนว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

ดังนั้น ประเทศจีนจึงเป็นตลาดที่มีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปตีตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการแข่งขันที่เข้มข้นรุนแรง จนเกิดทั้งสงครามราคา และการเร่งพัฒนาทั้งดีไซน์และเทคโนโลยีเพื่อดึงใจลูกค้าชาวจีน

ในอดีต เทสลาเคยเป็นเจ้าตลาดที่ครองยอดขายสูงสุดในประเทศจีน แต่ในปัจจุบัน เจ้าของตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในจีนกลายเป็น BYD ที่เติบโตขึ้นมาได้จากการสนับสนุนของรัฐบาล และมีข้อได้เปรียบสำคัญคือสามารถพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองได้ทำให้มีต้นทุนและราคาขายที่ต่ำกว่าเทสลา ซึ่งสามารถดึงใจลูกค้าชาวจีนที่ยังไม่กล้าใช้จ่ายเงินในช่วงหลังโควิดได้

โดยจากข้อมูลของ Clean Technica ในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายนปี 2023 รถยนต์ไฟฟ้ายอดขายอันดับหนึ่งและสองในจีนคือ BYD Song และ BYD Qin Plus ด้วยยอดขาย 428,236 คัน และ 332,180 คันตามลำดับ ขณะที่ Model Y ตามมาในลำดับที่ 3 ที่ 320,109 คัน

นอกจากนี้ บลูมเบิร์ก ยังรายงานว่า ในปัจจุบัน ยอดขายของรถ BYD นอกประเทศจีนยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีสิทธิแซงเทสลาภายในไตรมาสหน้า 

โดยในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา ยอดขายของรถเทสลาทั่วโลกอยู่ที่ 4.35 แสนคัน นำ BYD ที่มียอดขายประมาณ 4.32 แสนคัน อยู่เพียง 3,456 คันเท่านั้น หลังจากที่ทำยอดทิ้งห่างในหลักแสนมาตลอด สะท้อนว่านอกจากจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว BYD ยังกำลังจะเบียดเทสลาในตลาดโลกที่เทสลาเคยครองด้วย




อ้างอิง: Bloomberg, Clean Technica


advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT