ตลาดอสังหาริมทรัพย์แม้จะคึกคักมากขึ้นกว่าช่วงโควิด-19 แต่ก็ยังมีอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอก เช่น ราคาวัสดุก่อสร้างและที่ดินที่สูงขึ้น, ปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยจากฝั่งสหรัฐ, การแข่งขันในตลาด ฯลฯ
นอกปัจจัยจากภายนอกเหล่านี้แล้ว ในประเทศไทยเราก็มีหลายอินไซต์ของผู้บริโภคและนักลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่ง ‘เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย’ ได้ร่วมแบ่งปันในงานแถลงแผนปี 2567 โดยมีอินไซต์ 3 อินไซต์ที่น่าสนใจ ได้แก่
ดีมานด์บ้านเดี่ยวแซงทาวน์โฮม
หลังช่วงโควิด-19 เป็นต้นมา หลายคนทราบดีว่าไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนไป ติดใจการใช้ชีวิตที่บ้านมากขึ้น จึงเปลี่ยนความต้องการจากการซื้อคอนโด หรือบ้านทาวน์โฮมใกล้ตัวเมือง มาเป็นบ้านเดี่ยวมากขึ้น
นอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคแล้ว อำนาจการซื้อของผู้บริโภคก็มีผลสำคัญต่อดีมานด์ของอสังหาแนบราบที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
โดยลูกค้าที่มีความต้องการซื้อบ้านทาวน์โฮม หรือบ้านแฝดนั้นเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักในช่วงโควิด-19 และมียอดปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) เพิ่มขึ้น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รวมถึง Frasers เอง จึงมุ่งโฟกัสมาที่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบ้านเดี่ยวมากขึ้น
ไม่เพียงกลุ่มโครงการระดับกลางเท่านั้น ในบ้านเดี่ยวโครงการหรูก็มีดีมานด์เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะลูกค้ากำลังซื้อสูงที่เป็นเจ้าของกิจการก็ได้ปรับพฤติกรรมการทำงานในช่วงโควิด-19 เช่นกัน เทคโนโลยีต่างๆ ทำให้สามารถทำงานระยะไกลได้ จึงมองหาบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่กันมากขึ้น
คนต่างจังหวัดสร้างบ้านเองลดลง หันหาบ้านโครงการมากขึ้น
ในต่างจังหวัดผู้คนเคยนิยมสร้างบ้านอยู่เองด้วยผู้รับเหมาท้องที่ แต่ในปัจจุบันด้วยปัญหาแรงงานขาดแคลน ราคาวัสดุสูงขึ้น ผู้รับรับเหมาฝีมือดีมีปริมาณลดลง คนในต่างจากหวัดสมัยใหม่จึงหันมาซื้อบ้านในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กันมากขึ้น เพราะมั่นใจได้มากกว่าว่าบ้านที่ได้ จะเหมือนแบบที่วางไว้ ตรวจรับบ้านได้ง่ายกว่า วางระบบต่างๆ ได้เนี้ยบกว่า และไม่ต้องกังวลกับปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงาน หรือได้บ้านไม่ตรงปก
โดยในปัจจุบัน ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ก็หันไปจับตลาดต่างจังหวัดตามหัวเมืองต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อรองรับทั้งดีมานด์จริงที่เกิดขึ้นจากคนในพื้นที่ หรือดีมานด์ของการซื้อบ้านเพื่อการลงทุน
เศรษฐีต่างจังหวัดเน้นซื้อบ้านเงินสด
ในต่วงจังหวัด ผู้คนมีพฤติกรรมการเก็บออมที่ดีกว่า เพราะมีสิ่งฟุ่มเฟือยได้น้อยกว่า ทำให้เก็บเงินได้เร็วกว่า
อินไซต์ที่พบในลูกค้ากลุ่มนี้ ก็คือ มีลูกค้าที่กู้บ้านเต็มจำนวนน้อยกว่า วางเงินดาวน์บ้านก้อนใหญ่กว่า และซื้อบ้านเงินสดเต็มจำนวนมากกว่าลูกค้าในกรุงเทพมหานคร
ขณะที่กรุงเทพมหานครนั้น กลุ่มที่จะซื้อบ้านเงินสดจะเป็นลูกค้าระดับบนที่ซื้อบ้านหลักสิบล้านขึ้นไป ส่วนสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อบ้านเงินสดนั้น ในกรุงเทพมหานครคิดเป็นราว 10% ส่วนในต่างจังหวัดมีสัดส่วนสูงกว่า อยู่ที่ราว 15%
นอกจากนี้ บ้านเดี่ยว จะได้รับความนิยมสูงกว่าบ้านทาวน์โฮม บ้านแฝด และคอนโดมิเนียม เพราะลูกค้าต่างจังหวัดชอบบ้านที่มีพื้นที่มาก และหากเทียบระหว่างบ้านขนาดย่อมในตัวเมือง กับหลังใหญ่ที่พื้นที่รอบนอก ราคาที่ดินห่างกันมาก จึงทำให้ราคาบ้านในพื้นที่รอบนอกคุ้มค่ากว่า ได้บ้านหลังใหญ่กว่า และการเดินทางในต่างจังหวัดก็ไม่เป็นปัญหาแบบในกรุงเทพมหานครด้วย
เฟรเซอร์ส พาหัวเรือใหม่กลุ่มที่อยู่อาศัย โชว์แผนปี 2567
นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัดพร้อมด้วยผู้รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอีก 2 ท่าน ได้แก่ นายภวรัญชน์ อุดมศิริ และนายอภิชาติ เฮงวาณิชย์ ได้เปิดเผยถึงแผนปี 2567 ของบริษัท ภายใต้แนวคิด ‘ปรับตัวเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง’ เดินหน้าขยายสัดส่วนพอร์ตฯ กลุ่มบ้านเดี่ยวต่อเนื่อง และบุกตลาดคอนโดมิเนียม พร้อมเตรียมรีเฟรชแบรนด์ปั้นชื่อติดตลาด Top 5
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า บริษัทฯ จะเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์สร้างการเติบโต ซึ่งมุ่งขยายพอร์ตฯ บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% ควบคู่กับการพัฒนาบ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม พร้อมต่อยอดการพัฒนาโซลูชันการอยู่อาศัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer-Centric Approach)
ด้วยประสบการณ์ของนายสมบูรณ์ในฐานะผู้บริหารระดับสูงในบริษัทอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนชั้นนำหลายแห่งมายาวนานกว่า 30 ปี บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและราบรื่น
ที่ผ่านมาการดำเนินงานของโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบประสบความสำเร็จในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ทั้งการเปิดตัวโครงการบ้านทุกระดับราคา โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี รวมถึงพัฒนาบ้านแฝดและทาวน์โฮมที่มีฟังก์ชันโดดเด่นโดนใจผู้บริโภค บวกกับการจัดแคมเปญกระตุ้นตลาด ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายดีต่อเนื่อง และรักษาระดับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างสม่ำเสมอ
สำหรับผลงานไตรมาสที่ 4 ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย (เดือนก.ค. - ก.ย. 66 นับตามบริษัทแม่ที่สิงคโปร์) นั้น สามรถบรรลุเป้าหมาย 3,000 ล้านบาทได้จากโครงการที่ได้เปิดขายไปแล้ว และโครงการพร้อมอยู่ โดยนอกจากโครงการแนวราบแล้ว เฟรเซอร์ส ยังเตรียมเปิดตัวโครงการแนวสูง ได้แก่ คอนโด Klos รัชดา 7 เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวนห้องพักกว่า 100 ยูนิต บนที่ดินเกือบ 1 ไร่ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ระดับราคาขายประมาณ 3 ล้านบาท/ยูนิต และยังอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์เพิ่มอีก 2-3 โครงการ ระดับราคาในช่วง 100,000-150,000 บาท/ตารางเมตร
ด้านโครงการแนวราบ ในปี 2567 เฟรเซอร์สมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทั้งแบรนด์ The Grand, Grandio, Prestige และ NEO Home ด้วยเป้าหมายส่งมอบการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนผ่านการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าใช้พลังงานสะอาดกับการติดตั้ง EV Charger และโซลาร์เซลล์ ที่มีแผนว่าในปีหน้าจะติดตั้งโซลาร์เซลล์ในคลับเฮาส์และบ้านตัวอย่างใน 71 โครงการ จำนวน 1,470 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
“ในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมรีเฟรชแบรนด์ใหม่ให้มีความชัดเจน สอดรับความเป็นหนึ่งเดียวกันกับแบรนด์เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์และเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค โดยตั้งเป้าติด Top 5 แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2568 ซึ่งจากสินค้าที่มีหลากหลายเซกเมนต์และครอบคลุมทุกความต้องการนั้น นอกจากจะสร้างความยืดหยุ่นทางธุรกิจและความสามารถในการบาลานซ์พอร์ตฯ ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการส่งมอบการอยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้า อันสอดรับกับเจตนารมณ์ Inspiring experiences, creating places for good. หรือสร้างสรรค์พื้นที่ให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่ ของเฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยอีกด้วย” นายสมบูรณ์กล่าวปิดท้าย