Apple Inc. ปลดพนักงานกว่า 600 คนในแคลิฟอร์เนีย หลังจากการตัดสินใจยุติโครงการรถยนต์และหน้าจอสำหรับสมาร์ตวอทช์ โดยอ้างอิงจากเอกสารยื่นกับหน่วยงานพัฒนาการจ้างงานของแคลิฟอร์เนีย
Apple ปลดพนักงานอย่างน้อย 600 คนหลังยุติโครงการรถยนต์ EV และหน้าจอรุ่นใหม่ Apple Watch
เมื่อวันอังคาร Apple ได้ยื่นเอกสารแจ้งการเลิกจ้างที่จะมีผลตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมสำหรับสำนักงานบริษัทที่ตั้งอยู่ในคูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย ได้ส่งรายงาน 8 ฉบับให้กับรัฐ เพื่อปฏิบัติตามกฏหมาย WARN (Worker Adjustment and Retraining Notification) บริษัทจำเป็นต้องส่งรายงานต่อหน่วยงานรัฐสำหรับแต่ละสถานที่ในแคลิฟอร์เนียที่มีพนักงานได้รับผลกระทบจากการปลดออก อย่างน้อย 87 คนทำงานในสถานที่ลับของ Apple เกี่ยวกับการพัฒนาหน้าจอแห่งอนาคต ส่วนคนที่เหลือทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถยนต์
เมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ Apple ได้แจ้งพนักงาน 2,000 คนที่ทำงานในโครงการรถยนต์ไฟฟ้าว่าโครงการจะยุติลง เพราะค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณและความล่าช้าในการเปิดตัวส่งผลเสียต่อโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของ Apple ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความยากลำบากโดยรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์กับเรื่องเทคโนโลยี ผลกำไร และความสนใจของผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทยังตัดสินใจยุติความพยายามของตัวเองในการพัฒนาหน้าจอ microLED เจเนอเรชั่นใหม่สำหรับ Apple Watch โดยโครงการนี้ได้รับผลกระทบคล้ายกันจากค่าใช้จ่ายที่เกินงบและความล่าช้าในการเปิดตัว
ผลประกอบการ 4 ปีย้อนหลัง บริษัท Apple Inc (AAPL)
- ปี 2563 รายได้ 274.51 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ กําไรสุทธิ 57.41 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
- ปี 2564 รายได้ 365.82 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ กําไรสุทธิ 94.68 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
- ปี 2565 รายได้ 394.33 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ กําไรสุทธิ 99.80 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
- ปี 2566 รายได้ 383.29 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ กําไรสุทธิ 97.00 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
การเลิกจ้างนี้อาจไม่ใช่ตัวเลขทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ
ตามรายงานระบุว่ามีพนักงาน 371 คนถูกจะปลดออกจากสำนักงานหลักโครงการรถยนต์ของ Apple ในซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย และพนักงานอีกหลายสิบคนที่สำนักงานย่อยอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ในบางกรณีอย่าง สมาชิกของทีมโครงการรถยนต์ Apple ถูกโยกย้ายไปยังทีมอื่น ๆ เช่น ทีมงานด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือหุ่นยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นส่วนที่เติบโตและเป็นจุดสนใจสำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก
Apple มีพนักงานประจำ 161,000 คน ณ วันที่ 30 กันยายน ตามรายงานประจำปีของบริษัท ดังนั้นการเลิกจ้างนี้อาจไม่ใช่ตัวเลขทั้งหมดของพนักงานที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจาก Apple มีพนักงานทำงานในโครงการเหล่านี้ทั้งในรัฐอื่น ๆ และในต่างประเทศ แม้ว่าพนักงานบางส่วนยังคงได้รับการรักษาไว้และถูกย้ายไปโครงการอื่น ๆ ตามที่ Bloomberg ระบุ ด้านโฆษกหญิงของ Apple ก็ออกมาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการลดตำแหน่งงาน การแจ้งเตือนตามกฏหมาย WARN ไม่ได้เปิดเผยขอบเขตทั้งหมดของการลดจำนวนพนักงาน เพราะ Apple มีวิศวกรในทั้งสองโครงการอยู่มากในหลายพื้นที่ รวมถึงรัฐแอริโซนา
เหตุผลที่ Apple ถึงจะมีกำไร พันล้าน ทุกปี แต่ก็ยัง "ปลดพนักงาน" อยู่ดี
- การยุติโครงการ: Apple ตัดสินใจยุติโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) และหน้าจอ microLED เจเนอเรชั่นใหม่สำหรับ Apple Watch โครงการเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูงและล่าช้า ส่งผลให้พนักงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการเหล่านี้ถูกปลดออก
- การปรับโครงสร้างองค์กร: Apple กำลังปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักและโครงการที่มีศักยภาพสูง การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้พนักงานบางส่วนถูกย้ายไปยังทีมอื่นหรือถูกปลดออก
- สภาพเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอน ส่งผลให้ Apple จำเป็นต้องปรับลดต้นทุนเพื่อรักษาผลกำไร
- การลดต้นทุน: แม้จะทำกำไรได้ แต่ Apple ก็พยายามลดต้นทุนอยู่เสมอ การปลดพนักงานเป็นวิธีหนึ่งในการลดค่าใช้จ่าย
- การเพิ่มประสิทธิภาพ: Apple ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอยู่เสมอ การปลดพนักงานที่ทำงานไม่ได้ผลหรือไม่มีประสิทธิภาพเป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพ
- การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี: เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ Apple จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน workforce ของตนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
สรุป แม้ว่า Apple จะมีกำไร พันล้าน ทุกปี แต่ก็ยัง "ปลดพนักงาน" อยู่ดี สาเหตุหลักคือ การยุติโครงการ การปรับโครงสร้างองค์กร และสภาพเศรษฐกิจ การปลดพนักงานมีทั้งผลดีและผลเสีย โดย Apple จำเป็นต้องหาสมดุลระหว่างผลกำไรและความรับผิดชอบต่อพนักงาน
นอกจากนี้ข้อมูลของเว็บไซต์ layoffs.fyi ซึ่งติดตามการเลย์ออฟพนักงานเทคฯ ทั่วสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นปี 2024 บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ จำนวนถึง 200 บริษัท รวมถึง Alphabet, Amazon, Meta และ Microsoft ปลดพนักงานรวมไปแล้วกว่า 50,000 คน หลังจากในปี 2023 มีการเลย์ออฟรวมไปแล้วถึง 260,000 คน ล่าสุด ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า บริษัทเทคในสหรัฐฯ มีการเลย์ออฟพนักงานเป็นจำนวนสูงที่สุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2009 ที่หลายๆ บริษัทต้องเลิกจ้างพนักงานกะทันหันเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินในปี 2008
ที่มา bloomberg investing และ businessinsider