การที่จะทำให้ผู้ใช้รถสันดาปยอมเปลี่ยนเป็นรถEVได้นั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน เช่น ราคาที่ยังสูง รุ่นรถที่ยังไม่มากนัก รวมไปถึงความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้า
Grab ได้เริ่มโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมการใช้ EV ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 63 โดยศึกษาจากพฤติกรรมการใช้งาน และ ความต้องการของพาร์ทเนอร์คนขับมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เข้าใจถึงอินไซต์ของปัญหา และข้อจำกัดต่างๆของผู้ใช้งาน
แม้ปัจจุบันจะมีพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บให้ความสนใจและต้องการเปลี่ยนมาใช้ EV สูงถึง 85% แต่ยังคงมีหลายปัจจัยที่ถือเป็นข้อจำกัด เช่น ราคารถที่ค่อนข้างสูง สมรรถนะของรถที่ไม่ตอบโจทย์การให้บริการ รวมถึงระบบโครงสร้างและสถานีชาร์จที่อาจยังมีไม่เพียงพอ
Grab ได้นำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาโครงการ Grab EV เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง EV ในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้มากขึ้น ในการทำหน้าที่หลากหลาย เช่น :
- ตัวกลางในการเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่าย EV
- ผู้ให้บริการสถานีชาร์จและระบบบริหารจัดการชาร์จแบตเตอรี
- สถาบันการเงิน เพื่อแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของพาร์ทเนอร์คนขับให้เหมาะสมที่สุด เช่น พัฒนาฟังก์ชันและคุณสมบัติของ EV ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับรูปแบบการให้บริการ การระบุตำแหน่งสถานีชาร์จหรือจุดสลับแบตเตอรีในบริเวณที่มีผู้ใช้บริการหรือพาร์ทเนอร์คนขับหนาแน่น
ผนึกความร่วมมือกับ 7 พันธมิตรในแวดวง EV ซึ่งประกอบด้วย :
- Rever Automotive
- H SEM Motor
- STROM
- Swap & Go
- Auto Drive EV
- EV Station PluZ
- Moove
เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนโครงการ Grab EV ให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดตัว 2 โปรแกรมใหม่ ‘ผ่อนขับรับรถ’ และ ‘เช่าครบจบบนแอป’ ที่จะช่วยปลดล็อกและทำให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสามารถเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น”
1.โปรแกรม ‘ผ่อนขับรับรถ’ (Drive-to-Own)
ผนึกความร่วมมือกับ Moove ผู้ให้บริการด้านสินเชื่อยานยนต์ และ Rever Automotive ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าBYDเพื่อเปิดโอกาสให้พาร์ทเนอร์คนขับสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารได้
เงื่อนไข / สิทธิประโยชน์ ไม่ต้องวางเงินดาวน์ ไม่เช็คประวัติการเงิน
-
ไม่ต้องใช้ประวัติทางการเงิน แต่จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากประวัติในการให้บริการกับแกร็บ
-
โปรแกรมสินเชื่อที่มีระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน
-
พาร์ทเนอร์คนขับไม่ต้องวางเงินดาวน์
-
สามารถผ่อนจ่ายได้แบบรายวันผ่านการหักรายได้จากการให้บริการในแต่ละวัน
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์เสริมอื่นๆ เช่น ฟรีค่าซ่อมบำรุงรถ ครอบคลุมการทำประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ ทั้งนี้ โปรแกรมดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสามารถจองรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ได้ในได้ในช่วงต้นปี 2567 และคาดว่าจะทำให้พาร์ทเนอร์คนขับสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 5,000 คันภายในปี 68
2.โปรแกรม ‘เช่าครบจบบนแอป’ (End-to-end EV Bike rental)
ผนึกความร่วมมือกับ 3 ผู้ผลิตชั้นนำรถยนต์ และผู้นำแพลตฟอร์มสลับแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้แก่ STROM, H SEM Motor และ Swap & Go เพื่อให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับที่ให้บริการจัดส่งอาหารผ่าน GrabFood จัดส่งพัสดุผ่าน GrabExpress หรือรับส่งผู้โดยสารผ่าน GrabBike
เงื่อนไข / สิทธิประโยชน์ ค่าเช่าเริ่มต้น 125 บาท/วัน
-
มีอัตราค่าเช่าเริ่มต้น 125 บาท/วัน
-
ได้รับสิทธิการสลับแบตเตอรีได้ไม่จำกัดรอบตลอด 24 ชั่วโมง
-
การจัดหาอุปกรณ์เสริมให้ เช่น ตะแกรงท้าย ที่วางโทรศัพท์มือถือ สายชาร์จแบตเตอรีสำหรับชาร์จไฟที่บ้านหรือที่สถานี
-
การจัดหารถสำรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
-
มีการสนับสนุนค่าบำรุงรักษารถ
-
การทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำตลอดการใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
โดยคาดว่าโปรแกรมนี้จะช่วยให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสามารถเข้าถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของทั้งสามพันธมิตรหลักได้กว่า 3,000 คันภายในปี 2567
Grab ร่วมผลักดันไรเดอร์ใช้รถ EV
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า
“ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและขนส่ง แกร็บตระหนักถึงบทบาทในการป้องกันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจในทุกประเทศ รวมถึงส่งเสริมให้คนในวงจรธุรกิจมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาและบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด Triple Bottom Line โครงการ ‘Grab EV’ ที่ส่งเสริมให้พาร์ทเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหารหันมาใช้รถ EV เพื่อให้บริการ โดยตั้งเป้าให้มีจำนวนผู้ใช้รถ EV ให้ได้ 10% ของพาร์ทเนอร์ทั้งหมดภายในปี 69 ”
ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าสะสมในไทย
รัฐบาลไทยได้มีการออกนโยบายทั้งในแง่ของการกระตุ้นให้ผู้ใช้มีความเชื่อมั่นในการเลือกใช้รถ EV และนโยบายส่งเสริมการลงทุนรถ EV ให้แก่ผู้ผลิต เช่นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ยกเว้นอากรการนำเข้าพวกชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ลดภาษีสรรพาสามิต เพื่อให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลายและซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้ในราคาที่ถูกลง ทำให้ยอดจดทะเบียนรถไฟฟ้าสะสมในไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
-
ปี 2563 (ม.ค. – ธ.ค.63) - รวม 1,056 คัน
-
ปี 2564 (ม.ค. – ธ.ค.64) - รวม 1,935 คัน
-
ปี 2565 (ม.ค. – ธ.ค.65) - รวม 9,729 คัน
-
ปี 2566 (ม.ค. –ส.ค.66) - รวม 50,347 คัน
โดยภาครัฐมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริดปลั๊กอิน และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคันในปี พ.ศ. 2579 หรือในอีก 13 ปีข้างหน้า
เช่นเดียวกับภาคเอกชน ที่เริ่มมีการจับมือผนึกกำลังในหลายองค์กร เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปีพ.ศ. 2608 หรือในอีก 42 ปีข้างหน้า