การเข้ามาของ AI (Artificial Intelligence) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ปัญญาประดิษฐ์” ทำให้เกิดความกังวลว่าในอนาคตมนุษย์อาจถูก AI แย่งงาน เพราะเทคโนโลยี AI นับวันจะถูกพัฒนาให้มีความฉลาดเทียบเท่าหรือมากกว่ามนุษย์ ด้วยความสามารถในการคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจ ผ่านระบบประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำ
ปี 2022 จนถึง ปี 2023 บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งได้เลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉลี่ยทั่วโลกมีพนักงานที่ถูกเลิกจ้างมากกว่า 2,085 คนต่อวัน เพื่อลดต้นทุนของบริษัทในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง นั่นทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ผลสำรวจของ Goldman Sachs พบว่า ปัจจุบันพนักงานไม่ได้กลัวแค่บริษัทจะเลิกจ้างพนักงานเท่านั้น แต่ยังกลัวที่จะถูก AI มาแย่งงานที่พวกเขาทำอยู่อีกด้วย โดยจากข้อมูลพบว่ามากกว่า 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลก กำลังได้รับผลกระทบจาก AI และระบบอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม AI ไม่ได้กระทบทุกอาชีพ ทุกตำแหน่งงานเสมอไป ทีม SPOTLIGHT จึงรวบรวมข้อมูลมาให้ว่า งานตำแหน่งไหนและทักษะไหนบ้างที่จะได้รับประโยชน์จาก AI หรือ ตำแหน่งงานไหนบ้างที่กำลังจะถูกกระทบจาก AI และต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ถูกนำใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ
สายงานที่ไม่ถูกกระทบจาก AI
จากข้อมูลของสำนักข่าว Bloomberg สายงานที่จะไม่ถูกกระทบจาก AI อย่างแน่นอนคือ บุคคลกรทางการเเพทย์ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มเทคโนโลยี เพราะงานเหล่านี้ต้องใช้ทักษะเฉพาะเจาะจง เช่น นักวิเคราะห์ข้อมูล นักเขียนโค้ด โปรเเกรมเมอร์ นักพัฒนา เเละ วิศวกรซอฟต์เเวร์
โดยจากแบบสำรวจของ Bloomberg ทักษะที่คนมองว่าบริษัทต้องการมากที่สุดในตลาดในขณะนี้ และ AI ยังไม่สามารถทำแทนได้ ก็คือ ทักษะในการสื่อสาร (50%), ทักษะวิเคราะห์ข้อมูล (29%), ทักษะการเขียนโค้ด (13%) เเละ ทักษะอื่นๆ (8%)
สายงานที่ ถูกกระทบจาก AI
ส่วนฝั่งสายงานที่ถูกกระทบจาก AI จากผลสำรวจของบริษัท OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT พบว่า พนักงานในสหรัฐฯ มากกว่า 19% อาจได้รับผลกระทบจากระบบปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะในเชิงลึก โดยตัวอย่างงานที่น่าจะได้รับผลกระทบจาก AI เป็นอันดับต้นๆ คือ
-พนักงานแคชเชียร์
-พนักงานต้อนรับ
-พนักงานในคลังสินค้า
-พนักงานขับรถขนส่ง
5 ทักษะอยู่รอดในยุค AI
สำนักข่าว CNBC ได้แนะนำ 5 สกิลที่เป็นที่ต้องการในตลาดสหรัฐฯ 2023 ซึ่งบางสกิลนอกจากจะทำให้มนุษย์ไม่ถูกแทนที่โดยปัญญาประดิษฐ์แล้ว ยังทำให้มนุษย์ทำงานได้ดีขึ้นอีก เพราะเป็นสกิลที่นำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยเสริมทำการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ สกิลทั้ง 5 ประการนั้น คือ
การปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์ ให้โดดเด่นในการค้นหา ( SEO) บน Google ,Bing และในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ (อาจทำเงินสูงสุดที่ $250 ต่อชั่วโมง)
การพัฒนาเว็บไซต์ ที่ทำทั้งในส่วนของฝั่งหน้าบ้าน (Front-end) และส่วนหลังบ้าน (Back-end) ที่ต้องรู้โปรแกรมอย่าง Python, Java, HTML, JavaScript (ทำเงิน สูงสุดที่ $160 ต่อชั่วโมง)
ฝ่ายบัญชี ที่สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์งบการเงินของลูกค้า และสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับภาษี (ทำเงิน สูงสุดที่ $150 ต่อชั่วโมง)
นักออกแบบกราฟิกดีไซน์ ที่สามารถสื่อสารภาพลักษณ์ของบริษัทโดยการออกแบบ สู่กลุ่มลูกค้า เช่นเว็บไซต์ โบรชัวร์ และสื่อโซเชียลมีเดีย (ทำเงิน สูงสุดที่ $145 ต่อชั่วโมง)
แผนกการขาย ที่สามารถตอบคำถามลูกค้าได้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทเมื่อลูกค้ามีปัญหา และต้องการได้รับการแก้ไขโดยด่วน ผ่านทางอีเมล โทรศัพท์ หรือ แชท (ทำเงิน สูงสุดที่ $40 ต่อชั่วโมง)
จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า AI ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเพียงแต่มนุษย์ต้องไม่หยุดพัฒนาทักษะของตัวเอง โดยเฉพาะการมีทักษะเฉพาะเจาะจง ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือพูดง่ายๆว่า ให้เรามีความชำนาญเฉพาะด้านอย่างลึกซึ้ง