สัญลักษณ์เครื่องหมายถูกสีขาวบนพื้นหลังสีฟ้า หรือ Blue check mark เป็นการบ่งบอกถึงการยืนยันตัวตนให้กับบรรดาผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่มีชื่อเสียงทั้งหลายว่านี่ นี่คือตัวจริง! ไม่ใช่การแอบอ้าง ! ไม่ว่าจะเป็น นักการเมือง สื่อคนดัง ผู้บริหาร รวมถึงบุคคลและองค์กรต่าง ๆ
แต่ภายหลังจาก อีลอน มัสก์ ได้ปิดดีลซื้อทวิตเตอร์สำเร็จไปหมาๆ ก็เกิดไอเดียใหม่ เสนอบริการยืนยันตัวตน ผ่านการสมัครสมาชิกบริการทวิตเตอร์บลู (Twitter Blue) โดยคิดจะเก็บค่าธรรมเนียม 8 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราว 300 บาทต่อเดือน ซึ่งนี่เป็นราคาที่มีข่าวว่าลดลงแล้วจากการต่อรองของนักเขียนชื่อดัง สตีเฟ่นคิงส์ เพราะตอนแรกไอเดียนี้มัสก์ คิดจะเก็บค่ายืนยันตัวตน 19.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ เกือบ 760 บาทเลยทีเดียว
เดิมทีทวิตเตอร์บลูคิดค่าบริการอยู่ที่ 4.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 189 บาท) ซึ่งเป็นคนละส่วนกับระบบยืนยันตัวตน แต่คาดว่าอีลอน มัสก์ ต้องการเปลี่ยนให้เป็นระบบ Subscription ผสมกับการยืนยันตัวตนด้วย ประโยชน์ที่ทวิตเตอร์จะได้รับคือ รายได้ในอนาคต โดยหากไม่จ่ายภายใน 90 วัน บัญชีนั้นก็จะถูกถอดสถานะยืนยันตัวตน โดยในปี 2021 มีผู้ใช้งานในระบบยืนยันตัวตน อยู่ที่ 400,000 บัญชี
ส่วนสิทธิพิเศษ ของผู้ใช้บริการ Twitter Blue (แบบเสียเงิน) จะได้รับการจัดลำดับความสำคัญเป็นส่วนแรกๆทั้งการ Mention การตอบกลับ Reply และการค้นหา Search รวมไปถึงได้รับโฆษณาน้อยลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับผู้ใช้งานที่ไม่ได้ใช้บริการทวิตเตอร์บลู แถมยังสามารถโพสต์วิดีโอและข้อความเสียงแบบยาวได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการทวิตเตอร์บลูจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาของบรรดาผู้เผยแพร่ที่ตกลงเป็นพันธมิตรกับทวิตเตอร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย (Paywall bypass ซึ่งนอกจากจะหวังสร้างรายได้เพิ่มแล้ว ยังแก้ปัญหาสแปมในทวิตเตออี์ ได้อีกด้วย
เว็บไซต์เดอะ เวิร์จ (The Verge) ระบุว่า พนักงานทวิตเตอร์ที่รับผิดชอบโปรเจกต์ดังกล่าวมีเวลาถึงวันที่ 7 พ.ย.ในการเปิดตัวฟีเจอร์นี้ แต่หากดำเนินการไม่สำเร็จก็จะถูกไล่ออก ก็เรียกว่า ตั้งแต่อีลอน มัสก์เข้ามา ทั้งผู้บริหารก็ถูกให้ออกกันยกชุด แถมพนักงานยังขวัญหนีดีฝ่อกันหมดแล้ว