ในที่สุดก็จบไปแล้วสำหรับมหากาพย์การซื้อ Twitter ของ อีลอน มัสก์ ผู้บริหาร Tesla หลังจากมีการเจรจากันมานานหลายเดือน ซึ่งเมื่อเข้ามาเป็นเจ้าของก็เริ่มทำงานทันทีโดยปลดผู้บริหารคนเก่าออก แล้วแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้บริหารแทน
แต่นอกจากดีลนี้จะมาพร้อมผู้บริหารคนใหม่แล้ว ยังมาพร้อมผู้ถือหุ้นรายใหม่อย่าง Binance ที่ได้มาร่วมลงขันซื้อกิจการ Twitter กับมัสก์ในครั้งนี้ด้วย
จากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส จ้าว ฉางเผิง ผู้บริหารสูงสุดของตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก Binance ได้ออกมาประกาศผ่าน Twitter ที่เขามีผู้ติดตามอยู่มากกว่า 7 ล้านคนว่า เขาได้ลงทุนเงินจำนวน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.9 หมื่นล้านบาท ในดีลซื้อแอพพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียชื่อดังมูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.6 ล้านล้านบาทของ อีลอน มัสก์ ด้วย
โดยหลังการร่วมลงทุนครั้งนี้ เขาหวังว่าจะได้ผสานเทคโนโลยี Web3 บล็อคเชน และคริปโทเคอร์เรนซี เข้ากับ Twitter หลังทางแอพพลิเคชั่นเองได้มีการนำเทคโนโลยี Non-fungible Tokens หรือ NFTs เข้ามาใช้กับแอพ ให้ผู้ใช้จ่ายเงินซื้อรูป NFT มาใช้เป็นรูปโปรไฟล์ของตัวเองได้มาแล้ว
การลงทุนใน Twitter ในครั้งนี้นับเป็นการลงทุนนอกธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซีเป็นครั้งแรกของ Binance ซึ่งเป็น 1 ใน 19 นักลงทุนที่ออกมาออกปากสนับสนุนดีลในครั้งนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
โดยในคราวแรก Binance กล่าวว่าจะช่วยออกทุนถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับดีลนี้ แต่ก็ประสบปัญหาราคาคริปโตเคอร์เรนซีตกเสียก่อน จึงมีสื่อคาดการณ์ว่าเพราะเหตุนี้ในวันนี้ Binance จึงช่วยออกทุนได้ไม่มากเท่าที่เคยประกาศ
นอกจาก Binance แล้ว ผู้ที่ออกมาสนับสนุนดีลซื้อ Twitter ของมัสก์ในคราวนั้นยังประกอบไปด้วยนักธุรกิจสายเทคโนโลยีคนอื่นๆ อีก เช่น แลร์รี เอลิสัน ผู้ร่วมก่อตั้ง Oracle และ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Twitter อย่าง เจ้าชายอัลวาลีด บิน ทาลัล มหาเศรษฐี แห่งซาอุดีอาระเบีย ด้วย แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าเขาเหล่านี้ได้มีส่วนร่วมในดีลครั้งนี้หรือไม่
จากการรายงานของ Yahoo News โฆษกของ Binance ได้บอกกับทางสำนักข่าวว่า ทาง Binance วางแผนจะสร้างทีมกับ Twitter ขึ้นมาใหม่เพื่อสร้าง solutions ลดจำนวนบอททวิตเตอร์ ซึ่งเป็นปัญหาที่กวนใจมัสก์มาตลอดตั้งแต่ก่อนดีลจบ
นอกจากนี้ แพทริก ฮิลแมน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ Binance ยังกล่าวอีกด้วยว่า การที่ Binance เข้าไปมีส่วนร่วมกับ Twitter ในครั้งนี้ อาจทำให้ความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัลลดลง เพราะมันจะทำให้เกิด ‘เคสการใช้งานจริง’ ซึ่งอาจจะช่วยรักษาเสถียรภาพทางราคาให้เหรียญดิจิทัลเหล่านี้ได้
นอกจากนี้ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนมัสก์ปิดดีล ยังมีคริปโตเคอร์เรนซีบางส่วนได้อานุสงค์บวกจากข่าว โดยเฉพาะ Dogecoin เหรียญมีมหมาชิบะ ที่ราคาขึ้นมาถึง 38% ดันมูลค่าตลาดทะยานขึ้นจาก 7.7 พันล้านดอลลาร์ไปถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์เดียว