ในขณะที่หลายบริษัทอาหารต้องเจอแรงกระแทกจากภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันพุ่ง และผู้บริโภครัดเข็มขัด บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กลับสามารถสร้างผลงานที่น่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยการทำรายได้รวมกว่า 32,663 ล้านบาท ในปี 2567 เติบโต 2.46% จากปีก่อน และที่สำคัญคือการกระโดดขึ้นจากอันดับ 8 มาเป็นอันดับ 6 ของกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตอาหารในประเทศไทย
แม้กำไรสุทธิจะหดตัวลง 6.55% เหลือ 9,380 ล้านบาท ตามข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่การเติบโตของรายได้และการขยับขึ้นในอันดับสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจที่สามารถปรับตัวและเติบโตได้ท่ามกลางความท้าทาย
มร.อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายถึงความสำเร็จนี้ว่า "ผลประกอบการเราเติบโตตามเป้าหมาย ส่วนการขยับขึ้นเป็นอันดับ 6 ในกลุ่มธุรกิจอาหาร เพราะทุกสินค้ามีการเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเรือธง ไม่ว่าจะเป็นผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ เครื่องปรุงรส รสดี ที่อยู่ในตลาดใหญ่และเป็นพอร์ตโฟลิโอใหญ่ เมื่อเติบโตเล็กน้อย จะมีผลต่อภาพรวม ส่วนสินค้ากลุ่มเล็ก เช่น อาหารแช่แข็ง สินค้าสุขภาพ ที่ยังเป็นสัดส่วนเล็ก แต่มีการเติบโตสูง ทั้ง 2 กลุ่มเติบโตควบคู่กันจึงอิมแพ็คต่อรายได้อย่างดี"
อายิโนะโมะโต๊ะไม่ได้เป็นแค่ผู้เล่นรายใหญ่ แต่เป็นผู้นำตลาดที่แท้จริงในหลายหมวดสินค้าสำคัญ ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ครอบงำ:
หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นที่สุดของอายิโนะโมะโต๊ะในปี 2567 คือการเสิร์ฟอาหารเพื่อสุขภาพถึง 248 ล้านมื้อ ซึ่งเป็นจำนวนที่มหาศาล หากคิดเป็นประชากรไทย 70 ล้านคน หมายความว่าคนไทยแต่ละคนได้รับประโยชน์จากอาหารเพื่อสุขภาพของอายิโนะโมะโต๊ะเฉลี่ย 3-4 มื้อต่อปี
การเติบโต 24% ในกลุ่มนวัตกรรมอาหาร สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และความสามารถของบริษัทในการตอบสนองความต้องการนี้ได้อย่างแม่นยำ
ด้วยเป้าหมายที่จะทรานส์ฟอร์มจากผู้ผลิตผงชูรสสู่ผู้นำดูแลสุขภาพคนไทย อายิโนะโมะโต๊ะได้วางแผนขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568 ด้วย 3 กลยุทธ์หลักที่ทะเยอทะยาน:
บริษัทมุ่งเสริมแกร่งกลุ่มเครื่องปรุงรสผ่านการปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย โดยใช้ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะสร้างประสบการณ์ความสนุกและความอร่อยในการทำอาหาร พร้อมการสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่นักชิม
AjiPanda - ทูตแห่งความสุข
บริษัทนำ "AjiPanda" มาเป็น Brand Ambassador ของกลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะทั่วโลก เพื่อเป็นตัวแทนความสุขในการกินและชีวิตที่มีสุขภาพดี สร้างการเชื่อมต่อกับคนไทยในแบบที่เป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่าย
ปรับการสื่อสารกาแฟเบอร์ดี้ให้ทันสมัยเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมเปิดตัว "เบอร์ดี้คาเฟ่" แบบขวด PET สุดเทรนดี้ พร้อมเพิ่มพอร์ตน้ำตาล 0% ตอบสนองผู้บริโภครักสุขภาพ และหนุนชาวไร่กาแฟไทย
เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์หมวดอาหารแช่แข็งสไตล์ญี่ปุ่นที่กินง่ายและดีต่อสุขภาพ พร้อมเปิดตัว "อายิโนะโมะโต๊ะ ควิก มีล" โจ๊กพร้อมทานสูตรต้นตำรับเจาะคนเมือง
การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดอะมิโนที่ใช้นวัตกรรมจาก "AminoScience" เพื่อตอบโจทย์การดำเนินชีวิตของคนในทุกไลฟ์สไตล์:
บริษัทวางแผนผนึกพันธมิตรธนาคาร ประกันสุขภาพ โค้ชสุขภาพ และ telemedicine เพื่อสร้างระบบนิเวศการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร
การสานต่อโครงการ Thailand Victory Project เป็นปีที่ 7 ผ่านการสนับสนุนกีฬาซีเกมส์ 2025 โดยต่อยอดความเชี่ยวชาญในการดูแลโภชนาการกีฬาและจุดแข็งด้าน "AminoScience" จากญี่ปุ่นสู่ไทย
โครงการนี้มีรากฐานมาจากประสบการณ์ของอายิโนะโมะโต๊ะในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ดำเนินการส่งเสริมด้านกีฬาผ่าน Winning Meals® Kachimeshi มายาวนาน 20 ปี แล้ว
แผนโภชนาการกีฬาที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมศักยภาพให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เจลพลังงานอะมิโนไวทัลที่อุดมด้วยกรดอะมิโน
การเปิดตัว Ajinomoto Victory Canteen ซึ่งเป็นการปรับลุคใหม่ให้กับห้องอาหารของนักกีฬา นำเสนอโภชนาการที่ดี และพื้นที่กิจกรรมสำหรับพัฒนาศักยภาพและปลดล็อกพลังแห่งชัยชนะของทัพนักกีฬาไทย
บริษัทตั้งเป้าลดใช้คาร์บอน พร้อมเพิ่มปริมาณการตรวจสอบกลับ (traceability) จากโครงการ "Thai Farmer Better Life Partner" ขึ้นเป็น 45,000 ตัน หรือประมาณ 30%
แอปพลิเคชัน FarmAI เป็นเครื่องมือใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการตรวจสอบกลับการดำเนินงานในระบบ ecosystem การเกษตรแบบครบวงจร
การเดินหน้าโมเดล Ajinomoto FD Green one-stop service ด้วยการสร้างเครือข่ายเพื่อการเกษตรกับพาร์ตเนอร์อย่างครบวงจร ผ่านการใช้เทคโนโลยีในการยกระดับการเกษตร เพิ่มผลผลิตและให้ความรู้แก่เกษตรกรมันสำปะหลังและกาแฟเพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพ
มร.อิชิโระเปิดเผยข้อมูลน่าสนใจว่า "ประเทศไทยมีการผลิตแป้งมันสำปะหลังราว 5,000 ล้านตันต่อปี ส่งออก 80% และใช้ในประเทศ 20% ซึ่งในประเทศ อายิโนะโมะโต๊ะ เป็นผู้ใช้รายใหญ่สุด เพราะถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตผงชูรส การทำโครงการร่วมกับเกษตรกรทำให้เรามีความมั่นคงด้านวัตถุดิบ และยังต่อดีเกษตรกรด้วย"
ด้วยสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเมือง และสิ่งแวดล้อม อายิโนะโมะโต๊ะได้ปฏิวัติวิธีการบริหารจัดการธุรกิจด้วยการเปลี่ยนจากการวางแผนแบบรายปีหรือรายครึ่งปี มาเป็น "rolling forecast" รายเดือน
มร.อิชิโระอธิบายว่า "ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอด ทุกวัน อายิโนะโมะโต๊ะ ไม่แค่ประเทศไทย แต่ทั่วโลกมีการทำ rolling forecast รายเดือน ที่อื่นอาจทำเป็นรายปีหรือรายครึ่งปี และเราพร้อมแอ๊คชันทุกอย่างให้เร็ว มีความยืดหยุ่น"
การปรับเปลี่ยนนี้ช่วยให้บริษัทสามารถ:
1. ภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนสูง ปัญหาเงินเฟ้อส่งผลให้ราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ทั้งน้ำมัน เมล็ดกาแฟ และวัตถุดิบอื่นๆ
2. ESG และเป้าหมาย Net Zero บริษัททั่วโลกกำลังมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือ "Net Zero" และการดำเนินงานตามกรอบมาตรฐาน ESG แต่ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่อาจไม่เห็นด้วยกับเรื่อง ESG
3. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่า มีราคาเหมาะสม หรือโปรโมชั่นที่โดนใจ พร้อมกับการรัดเข็มขัดและจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ขณะที่เจนเนอเรชันซี (GenZ) ให้ความสนใจกับสินค้ายั่งยืน
หนึ่งในความท้าทายระยะยาวที่สำคัญที่สุด คือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของโลกและประเทศไทย ที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารโดยตรง
มร.อิชิโระวิเคราะห์ว่า "เราคือบริษัทผู้ผลิตอาหาร จะมีผลกระทบโดยตรง เมื่อสังคมสูงวัย อายุมากขึ้น การบริโภคน้อยลง เราจะทำอย่างไรเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว"
ความท้าทายนี้ทำให้บริษัทต้อง:
อายิโนะโมะโต๊ะประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจในการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน:
การเติบโตของอายิโนะโมะโต๊ะในปี 2567 และแผนธุรกิจปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจอาหารไทยที่สามารถปรับตัวและเติบโตได้ท่ามกลางความท้าทาย ด้วยการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค
อายิโนะโมะโต๊ะไม่เพียงแค่เป็นบริษัทอาหารที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังเป็นต้นแบบของการปรับตัวและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารไทย ที่พร้อมจะก้าวไปสู่ทศวรรษหน้าด้วยความมั่นใจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน