Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"ดีป้า" ร่วม 2 พันธมิตร จัดมหกรรมคู่แห่งปี หนุนไทยเป็นฮับเมืองอัจฉริยะ

"ดีป้า" ร่วม 2 พันธมิตร จัดมหกรรมคู่แห่งปี หนุนไทยเป็นฮับเมืองอัจฉริยะ

17 ต.ค. 68
14:30 น.
แชร์

“ดีป้า” ผนึกกำลัง “เอ็น.ซี.ซี.-เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต” เตรียมจัดมหกรรมคู่แห่งปี "Smart City & Secutech 2025"  หนุนไทยเป็นฮับเมืองอัจฉริยะ คาดสร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 1,200 ล้านบาท พร้อมตั้งเวทีเสวนาถ่ายทอดประสบการณ์และองค์ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568  สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ร่วมกับ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต (ฮ่องกง) จำกัด สาขาไต้หวัน ผนึกกำลังครั้งสำคัญ เตรียมจัดมหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี คือ "งานนิทรรศการไทยแลนด์เมืองอัจฉริยะ ประจำปี พ.ศ. 2568" หรือ "Thailand Smart City Expo 2025" และ "Secutech Thailand 2025" งานแสดงเทคโนโลยีและโซลูชั่นนานาชาติด้านระบบรักษาความปลอดภัยและการป้องกันอัคคีภัย เพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศไทยผ่านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง IoT, AI, และ Big Data ตอบสนองความต้องการของประชาชนที่มุ่งหวังคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ทั้งสองงานจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 5–7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ณ ฮอลล์ 3 - 4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้สนใจเข้าชมงานจากทั้งในและต่างประเทศกว่า 15,000 ราย และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1,200 ล้านบาท

โดย ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ มร.อิสราเอล โกโกล ผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต (ฮ่องกง) จำกัด สาขาไต้หวัน ได้ร่วมแถลงข่าวความพร้อมการจัดงานโดยชูแนวคิดของงาน Thailand Smart City Expo 2025 คือ "Activating Smart Cities, Elevating Smart Living" หรือ "การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน"

มร. อิสราเอล กล่าวถึงการผนึกกำลังครั้งแรกเพื่อจัดงาน Secutech Thailand 2025 คู่กับ Smart City Expo ว่า การร่วมมือครั้งนี้จะสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เข้าร่วมงานและผู้แสดงสินค้าทั้งสองฝ่าย ในฐานะเวทีด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยและการป้องกันภัย Secutech Thailand จะเข้ามาเติมเต็มและส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างเป็นระบบและครบวงจร เนื่องจากองค์ประกอบสำคัญของ Smart City ไม่ว่าจะเป็นการจัดการจราจร สาธารณูปโภค หรือบริการสาธารณะ ล้วนต้องมี "ความปลอดภัยและความมั่นคง" เป็นรากฐาน และในฐานะบริษัทที่ดำเนินงานในเอเชียมานานกว่า 30 ปี เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต เล็งเห็นศักยภาพอันก้าวกระโดดของประเทศไทย และมีความมั่นใจอย่างยิ่งที่จะสานต่อความร่วมมืออันมีคุณค่ากับ เอ็น.ซี.ซี. เพื่อนำเสนองานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีระดับโลกสู่ภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายศักดิ์ชัย ชี้ว่า การจัดงาน Thailand Smart City Expo เป็นการตอกย้ำนโยบายสร้างเมืองอัจฉริยะและเปิดโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการจัดควบคู่กับ Secutech Thailand เป็นครั้งแรก จะช่วยสร้างพลังร่วมในการดึงดูดผู้สนใจ เพื่อร่วมผลักดันให้เมืองอัจฉริยะมีความสะดวกสบายและปลอดภัยอย่างครบวงจร

และ ผศ.ดร.ณัฐพล เผยถึงความคืบหน้าการพัฒนา Smart City ไทยว่า ปัจจุบันมีเมืองยื่นแผนพัฒนาฯ แล้วกว่า 210 เมือง และผ่านการรับรองแล้ว 37 เมือง ใน 25 จังหวัด โดยเกิดการลงทุนในพื้นที่ต้นแบบ 37 เมือง มูลค่ารวมกว่า 11,900 ล้านบาท นอกจากนี้ ดีป้ายังใช้กลไกอื่น ๆ อาทิ โครงการ Smart Living, มาตรการ depa mini Transformation Voucher ภาครัฐ, Smart City Accelerator และบัญชีบริการดิจิทัล (Thailand Digital Catalog) เพื่อสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน dSURE และสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป

ทั้งนี้ งาน Thailand Smart City Expo 2025 ในครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการรวมพลังความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรนานาชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการจับคู่ธุรกิจ สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของเมืองอย่างแท้จริง

ส่วนแสดงสินค้าครอบคลุม 7 สาขาหลัก (Smart 7)

1. Smart Telecom กลุ่มนวัตกรรมการสื่อสารและระบบ 5G / IoT

2. Smart Energy กลุ่มพลังงานอัจฉริยะและระบบกักเก็บพลังงาน

3. Smart Living กลุ่มบ้านและอาคารอัจฉริยะ (Smart Home & Building)

4. Smart Industry & Retail กลุ่มอุตสาหกรรมและร้านค้าปลีกอัจฉริยะ

5. Smart Mobility กลุ่มเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะและ EV

6. Smart Environment กลุ่มเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการทรัพยากร

7. Smart Healthcare กลุ่มนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์

ภายหลังการแถลงข่าวความพร้อมการจัดงานมหกรรมเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ ได้มีการจัดเวทีเสวนาหัวข้อ "การขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการอยู่อาศัยอย่างปลอดภัย" ดำเนินรายการโดย ดร.อรฉัตร เลียงพิบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และองค์ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ซึ่งทุกท่านได้สรุปประเด็นร่วมกันว่า หัวใจของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะไม่ใช่เพียงการ "ป้องกัน" แต่คือความสามารถในการ "คาดการณ์ล่วงหน้าได้" และต้องเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อแก้ปัญหาของเมืองอยู่อาศัย

นายไพฑูรย์ งามมุข รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ได้ฉายภาพมาตรการของ กทม. ในการรับมือ 3 ปัญหาหลักที่คนกรุงเผชิญอยู่เป็นประจำ ได้แก่ ปัญหาน้ำท่วม การจราจรติดขัด และอากาศร้อน โดยมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และ Smart Sensor ในการบันทึกข้อมูลสู่ศูนย์กลางเป็น Big Data ใช้เรดาร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน และระบบ EOC (Emergency Operations Center) เพื่อรับข้อมูลและบริหารจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว รวมถึงการติดตั้งกล้อง CCTV และการจัดทำ "แผนที่เสี่ยงภัย (Risk Index)" เพื่อให้การดูแลพื้นที่เสี่ยงและกลุ่มเปราะบางเป็นไปอย่างทั่วถึงและทันท่วงที

ด้าน ดร.สุทัด ครองชนม์ นายกสมาคมไทยไอโอที ได้เน้นย้ำถึงแนวคิดของ Smart City ว่าคือการเชื่อมโยงข้อมูลทุกมิติเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นระบบ และการมีเทคโนโลยี IoT จะทำให้เกิดฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data) ซึ่งเมื่อผนวกกับนวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อตอบโจทย์ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคาดการณ์ภัย การวางแผนป้องกัน การตอบสนองต่อเหตุการณ์ ไปจนถึงการฟื้นฟูได้อย่างแม่นยำ

ขณะที่ คุณหวาง ลูน่า Chief Marketing Officer บริษัท HIP ได้ให้มุมมองในมิติของผู้ใช้งานว่า ทุกคนล้วนต้องการ "ความปลอดภัยที่มาพร้อมความสะดวกสบาย" จึงนำเสนอแนวคิดการสร้าง "Ecosystem" ที่เชื่อมต่อทุกระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างง่ายดาย สามารถควบคุมการใช้ชีวิตประจำวันผ่านมือถือเครื่องเดียว พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น กล้อง LPR สำหรับตรวจจับป้ายทะเบียน และกล้องสแกนใบหน้าด้วย AI เพื่อยกระดับความมั่นคงปลอดภัย

ส่วนทางด้านเทคโนโลยีระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย นายธงชัย เจริญชัยชนะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โตอะ อิเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนผ่านจากระบบ Public Address สู่ Public Notification เพื่อเพิ่มความละเอียดของข้อมูลที่ต้องการสื่อสารผ่านระบบเสียงอัตโนมัติ โดยมีการใช้เซ็นเซอร์เป็น Input ของข้อมูลที่จำเป็น พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีเตือนภัยแผ่นดินไหว ที่มีระบบจำลองการเตือนภัยและการอพยพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Smart Secure Space"

ปิดท้ายด้วยการบริหารจัดการอาคารอย่างชาญฉลาด นายยุทธนา ปรัชญาศาสตร์ Sale-Senior Manager บริษัท Hitachi Elevator (Thailand) Co., Ltd. ได้กล่าวถึงแนวคิด Smart Building ว่าคือการเชื่อมต่อทุกระบบในอาคารให้อยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อยกระดับการบริหารจัดการอาคาร จากเดิมที่ใช้ AI ตรวจจับความเสียหายของเครื่องจักร ก็ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการปรับอุณหภูมิและแสงสว่างให้เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัย ตลอดจนการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่าง ESG และ Zero Energy Building ได้อย่างเป็นรูปธรรม

Advertisement

แชร์
"ดีป้า" ร่วม 2 พันธมิตร จัดมหกรรมคู่แห่งปี หนุนไทยเป็นฮับเมืองอัจฉริยะ