
ท่ามกลางบรรยากาศความโศกเศร้า จากการสูญเสียพลทหารวสันต์ ขานหัวโทน หรือ “เอสโซ่” ทหารกล้าผู้พลีชีพจากการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน อีกหนึ่งบุคคลที่รู้สึกเสียใจไม่แพ้ครอบครัวคือคุณครูสงัด ยังศรีนาค อายุ 64 ปี ครูเกษียณจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดทุ่งสว่างบ้านเทื่อม ซึ่งเปิดใจทั้งน้ำตาในฐานะ “ครูคนแรก”ของ เอสโซ่ เด็กชายที่เธอเคยฟูมฟักดูแลตั้งแต่วัยอนุบาล ก่อนจะเติบโตเป็นทหารผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ
คุณครูสงัด เล่าว่า ย้อนถึงภาพจำของลูกศิษย์ด้วยแววตาเปี่ยมความเอ็นดูว่า เอสโซ่ เป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใส มีสัมมาคารวะและอัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนๆและครูทุกคน “แกเป็นเด็กสดใสใครอยู่ใกล้ก็สบายใจ” คุณครูกล่าว พร้อมเผยว่าหลัง เอสโซ่ ย้ายไปเรียนต่อในโรงเรียนที่ใหญ่ขึ้น ความผูกพันระหว่างครูกับศิษย์ยังไม่เคยเลือนหาย
สิ่งที่ทำให้คุณครูจดจำ เอสโซ่ ไม่รู้ลืมคือหัวใจแห่งความกตัญญู แม้จะเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะยากลำบาก “ครอบครัวเขาอัตคัดมาก พ่อแม่ต้องรับจ้างก่อสร้างทำงานทั่วไป เอสโซ่ อยู่กับคุณยายเป็นหลัก แต่เขาไม่เคยบ่น เป็นเด็กสู้ชีวิต คอยช่วยเหลืองานบ้าน ไม่ปล่อยให้พ่อแม่ต้องลำบากอยู่ฝ่ายเดียว” คุณครูกล่าว
เมื่อทราบข่าวการจากไปของลูกศิษย์รัก คุณครูสงัด ยอมรับว่าทำใจไม่ได้ร้องไห้เสียใจตลอดทั้งคืน ก่อนตัดสินใจเดินทางมายังบ้านของเอสโซ่ เพื่อช่วยทำความสะอาดและจัดเตรียมสถานที่ราวกับเป็นการทำหน้าที่ “ครู” ให้ลูกศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย
ท้ายที่สุดคุณครูฝากข้อความถึงดวงวิญญาณของ เอสโซ่ ว่าขอให้หมดห่วงคนข้างหลัง “ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อแม่ครูเชื่อว่าทุกคนจะช่วยกันดูแล” พร้อมแสดงความเชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารในการทวงคืนความยุติธรรมและส่งกำลังใจถึงทหารทุกนายที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้าในขณะนี้
Advertisement