
วันที่ 10 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งจังหวัดบุรีรัมย์ยังตึงเครียดต่อเนื่อง เสียงปืนใหญ่ ลูกจรวดที่มาตกในพื้นที่สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ถึงขั้นสั่งอพยพชาวบ้านเพิ่มทั้งที่ไม่เคยเป็นจุดที่เฝ้าระวัง
ยายนวล โอลิตประโคน อายุ 78 ปีช าวบ้านในศูนย์อพยพบอกว่าไม่อยากจะฝากอะไรถึงเขมร ส่วนตัวก็อยากให้มันตายไปให้หมด เพราะมันชอบมารังแกแต่คนไทย ทั้งที่เราไม่เคยทำอะไรให้มัน
ขณะที่นางเวียง แสงประโคน อายุ 50 ปี อีกหนึ่งชาวบ้านที่อพยพเข้ามาบอกว่า อยากให้พวกเขมรมันฉิบหายไป เราอยากอยู่อย่างสงบ ไม่อยากมีปัญหา เราก็อยากได้แผ่นดินของเราคืน แต่เขมรไม่สำนึก โดยเฉพาะในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยช่วยเหลือเขมรมามากขนาดไหน มันยังกล้าเนรคุณแผ่นดินไทย ขอให้ทหารไทยสู้ๆต่อไป
ด้านนายศักดิ์กรินทร์ คูณประโคน นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่าพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ถือว่าอยู่ห่างไกลจากชายแดนการปะทะครั้งที่ผ่านมา พื้นที่นี้เป็นเพียงพื้นที่เฝ้าระวังไม่มีการอพยพ
แต่ตอนนี้สถานการณ์รุนแรงกว่าครั้งแรก จึงสั่งให้อพยพแล้ว 2 ตำบล คือตำบลย้ายแย้ง กับตำบลถาวร ที่เหลืออีก 3 ตำบลคือตำบลตาเป๊ก,อีสานเขต และตำบลเจริญสุข เปิดศูนย์อพยพแล้ว 6 ศูนย์ เฉพาะศูนย์อพยพดอนไม้ไฟ จุดนี้มีประมาณ 500 คน และคาดว่าจะมีการอพยพมาอีกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ยอมรับว่ารุนแรงขึ้น ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังตลอดเวลา
นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ยังเป็นปัญหาในตอนนี้ คือวัตถุดิบทำอาหารที่ไม่ค่อยเพียงพอ แพมเพิสเด็ก และนมผงเด็กก็ขาดแคลน เพราะครั้งนี้จะมีเด็กเล็กเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้ป่วยติดเตียงก็มีเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามยังมีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ยอมอพยพ เพราะเป็นห่วงทรัพย์สิน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไปว่าไม่ต้องห่วง เพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลทรัพย์สินของท่านอยากให้เอาชีวิตไว้ก่อน
Advertisement