
วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 09.40 น. สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้ว ทวีความตึงเครียดอย่างรวดเร็วหลังมีรายงานยืนยันว่าเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดน และทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย ส่งผลให้หน่วยงานความมั่นคงประกาศยกระดับการเตือนภัยสาธารณะขึ้นเป็นขั้นรุนแรง พร้อมสั่งอพยพประชาชนในเขตเสี่ยงโดยทันที
กองกำลังบูรพาและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(DDPM)ได้ออกประกาศเตือนภัยฉุกเฉินให้ประชาชนในพื้นที่
-อำเภอตาพระยา
-อำเภอโคกสูง
-อำเภออรัญประเทศ
-อำเภอคลองหาด
เร่งอพยพออกจากชายแดนทั้งหมดไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จังหวัดจัดเตรียมภายในเวลา 10.00 น.ของวันนี้ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 165 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถูกระบุว่าเป็นเขตเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัย
คำเตือนระบุชัดเจนว่าผู้ที่ยังคงอยู่ในบ้านพัก หรือชุมชนตามแนวชายแดนอาจได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ พร้อมขอให้เชื่อฟังคำสั่งเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ห้ามลังเลหรือรอการยืนยันซ้ำ เพราะสถานการณ์มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้พื้นที่บ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้วเงียบราวเมืองร้างหลังชาวบ้านทยอยอพยพแทบหมด
ในพื้นที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เส้นชายแดนที่สุดชาวบ้านส่วนใหญ่ ได้ทยอยออกจากพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด หลังมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน และประกาศเสียงตามสายแจ้งเตือนให้อพยพเร่งด่วน
รายงานล่าสุดระบุว่าเวลาประมาณ 09.41 น. หมู่บ้านทั้งสองเกือบจะไร้ผู้คนเหลือเพียงเจ้าหน้าที่และจุดตรวจชั่วคราวที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางหลัก ซึ่งบรรยากาศโดยรวมเต็มไปด้วยความเงียบงันและความกังวลของผู้ที่ยังเร่งเก็บสิ่งของชิ้นสุดท้ายขึ้นรถเพื่อเดินทางออกไป
ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานทั้ง ตำรวจ กองร้อยอาสารักษาดินแดน(อส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) ถูกระดมเข้ามาในพื้นที่อย่างหนาแน่น เพื่อเปิดเส้นทางอพยพจัดระเบียบการจราจรและตรวจสอบความปลอดภัยของถนนทุกจุดก่อนนำประชาชนเข้าสู่เส้นทางมุ่งหน้าไปยังจุดพักคอยและศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จังหวัดจัดมั่นไว้ให้
เจ้าหน้าที่ระบุว่า “อย่าลังเลให้รีบออกทันที” เนื่องจากสถานการณ์ในแนวชายแดนไม่ปกติและยังคงมีความเสี่ยงสูง ปั๊มน้ำมันโคกสูงคึกคักอย่างไม่เคยเกิดขึ้นผู้คนแห่เติมน้ำมันก่อนออกจากพื้นที่
ตั้งแต่ช่วงเช้าปั๊มน้ำมันหลายจุดในอำเภอโคกสูง มีประชาชนเดินทางมาเติมน้ำมันจำนวนมาก เพื่อเตรียมออกจากพื้นที่หลังได้รับการประกาศเตือนภัยขั้นสูงสุด ทำให้บางจุดมีรถต่อคิวยาวกว่าปกติหลายเท่า
ผู้พักอาศัยในพื้นที่หลายรายให้ข้อมูลว่าตัดสินใจเก็บของจำเป็นเท่านั้นอาทิ เอกสารสำคัญ เสื้อผ้า เงินสด และยารักษาโรค ก่อนมุ่งหน้าทั้งรถกระบะรถเก๋งและรถจักรยานยนต์ไปยังศูนย์ปลอดภัยที่ใกล้ที่สุด โดยไม่รอให้สถานการณ์รุนแรงกว่านี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเฝ้าระวังใกล้ชิดสถานการณ์ยังไม่นิ่ง
รายงานจากกองกำลังบูรพาระบุว่าการเคลื่อนไหวบริเวณแนวชายแดนยังคงไม่นิ่งเจ้าหน้าที่จึงต้องคงกำลังประจำการทุกจุดสังเกตการณ์พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและการอพยพที่ยังดำเนินอยู่
ประชาชนที่ออกจากพื้นที่แล้ว ถูกขอความร่วมมือให้ติดตามข่าวสารจากจังหวัดและหน่วยงานรัฐอย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินสถานการณ์และคำสั่งเพิ่มเติมในระยะต่อไป
Advertisement